แม่วัย 68 ร่ำไห้วอนรัฐช่วยเหลือ ลูกสาวไปทำงานนวดที่รัสเซียแล้วเสียชีวิตปริศนา นานเกือบ 2 เดือนแล้วยังไม่สามารถนำร่างหรืออัฐิกลับมาทำบุญที่บ้านเกิดไม่ได้ ซ้ำครอบครัวขาดเสาหลักต้องหยิบยืมเงินทั้งกินอยู่และให้หลานไปเรียน ขณะที่ลูกสาว ม. 2 เผยทั้งน้ำตาเพิ่งคุยกับแม่ทางโทรศัพท์แค่ 3 วัน ก็ทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิต จนไม่มีกำลังใจจะเรียน
21 ก.ย.67 นางเสวียด ดวงนิล อายุ 68 ปี ชาวตำบลพระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และ ด.ญ.ณัฐธิดา หรือ น้องอ๋อมแอ๋ม อายุ 14 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลพระครู ได้ออกมาวิงวอนหน่วยงานภาครัฐทั้งน้ำตาขอให้ช่วยเหลือ หลังจากน.ส.ภาวิณี ดวงนิล อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของยายเสวียด และแม่ของน้องอ๋อมแอ๋ม ที่ไปทำงานเป็นหมอนวดแผนไทยอยู่ที่ประเทศรัสเซีย โดยถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัว ได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุภายในห้องพัก เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 ซึ่งคนที่ทำงานด้วยกันแจ้งเพียงว่านอนหลับตายในห้องพัก อาจจะเพราะทำงานหนักพักผ่อนน้อย
นางเสวียด กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก อยากจะนำร่าง หรืออัฐิกลับประกอบพิธีทางศาสนา หรือทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่บ้านเกิด แต่ไม่รู้จะติดต่อประสานใคร ที่ผ่านมามีเพียงอาสาสมัครแรงงานประจำตำบล พาไปยื่นเรื่องที่แรงงานจังหวัด และจัดหางานจังหวัด เจ้าหน้าที่ก็แจ้งเพียงว่ามีชื่ออยู่ในระบบเป็นแรงงานที่เดินทางไปทำงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องรอนายจ้างทางรัสเซียดำเนินการเรื่องเผาศพแล้วส่งอัฐิกลับมา จึงจะสามารถนำใบมรณะบัตรไปเดินเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆได้
"ต่อมาลูกสาวคนโตของผู้ตายก็ได้ส่งเอกสารแจ้งความประสงค์ให้เผาร่างแม่ แล้วส่งอัฐิกลับมากลับไทยแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้ว เรื่องก็เงียบ ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดแจ้งได้ว่า จะทำพิธีเผาร่าง น.ส.ภาวิณี และจะส่งอัฐิกลับบ้านเกิดได้ตอนไหน ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย"นางเวียด กล่าว
นางเสวียด กล่าวอีกว่า ลูกสาวตัดสินใจไปทำงานนวดแผนไทย ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.2565 เพราะค่าแรงสูงกว่าในไทยเพื่อหวังจะได้เงินส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา และส่งลูกอีก 2 คนเรียน ที่ผ่านมาก็ส่งให้พ่อแม่เดือนละ 6-7 พันบาท ตนเพิ่งจะคุยกับลูกสาวก่อนจะเสียชีวิตแค่ 5 วัน ลูกบอกจะครบกำหนดเดินทางกลับเดือน ต.ค.2567 ที่จะถึงนี้ ตั้งใจจะกลับมาหาพ่อแม่และลูกๆ ที่จากกันเกือบ 3 ปี และจะนำเงินเก็บมาซ่อมแซมบ้าน แต่ลูกก็มาจากไปก่อนเสียใจมาก อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือนำอัฐิลูกสาวกลับมาทำบุญ และช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการต่างๆ ด้วย รวมถึงเงินที่ลูกหักเก็บไว้และเงินเดือนๆ สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้
ขณะที่ ด.ญ.ณัฐธิดา หรือ น้องอ๋อมแอ๋ม พูดทั้งน้ำตาว่า ตนเพิ่งคุยกับแม่ทางโทรศัพท์แค่ 3 วัน ก็ทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิตตอนนั้นอยู่ที่โรงเรียนไม่มีกำลังใจจะเรียน คิดถึงแม่อยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วย แต่เมื่อแม่เสียชีวิตแล้วก็อยากให้หน่วยงานภาครัฐ ช่วยเหลือนำอัฐิแม่กลับมาทำบุญที่บ้าน
ด้านนายไพศาล สุดลา อาสาสมัครแรงงานประจำตำบลพระครู บอกว่า นอกจากครอบครัวนี้จะเศร้าโศกเสียใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ไกลต่างแดน แต่อัฐิก็ยังนำกลับมาทำบุญไม่ได้แล้ว ยังขาดเสาหลักจนตายายต้องไปหยิบยืมเงินญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านมาใช้จ่ายกินอยู่และเป็นค่าเล่าเรียนหลานอีก 2 คน จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือติดตามทั้งเรื่องนำอัฐิกลับมาทำบุญ รวมถึงเร่งรัดดำเนินการเงินช่วยเหลือ หรือสวัสดิการต่างๆ ที่ครอบครัวแรงงานควรจะได้รับตามสิทธิด้วยเพราะที่ผ่านมาไปยื่นเรื่องแล้วแต่ก็ยังเงียบ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี