3 พยานคดีหวย 30 ล้านอลเวงถอนตัวพร้อมยกมือไหว้ขอโทษ 'ลุงจรูญ'ยินดียกโทษให้พร้อนถอนฟ้อง ส่วน 7 พยานยันสู้ต่อ "ทนายตั้ม" เผยคดีนี้เรียกค่าเสียหายสูง 10 ล้าน
จากกรณีคดีหวย 30 ล้านอลเวงระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ซึ่งคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ พ.ย.2560 นับถอยหลังอีกแค่ 1 เดินจะครบ 7 ปีเต็ม สำหรับคดีที่อยู่ในชั้นศาล ประกอบด้วยคดีหมายเลข อ.2185/2561 กรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ฟ้องครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช ในข้อกล่าวหาเบิกความเท็จในการอายัดเงิน ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 ต.ค.2567 คดีที่ อ.1611/2562 กรณีนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน ฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อกล่าวหา แจ้งความเท็จ ซึ่งศาลนัดพร้อมไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 28 ต.ค.2567 คดีที่ อ.2512/2562 กรณี ร.ต.ท.จรูญ ฟ้องครูปรีกับนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความ ในข้อหาฟ้องเท็จ ซึ่งศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ลงโทษจำคุกครูปรีชา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา โดยคดีดังกหล่าวครูปรีชา ได้ยื่นอุทธรณ์ และคดีที่ อ.1558/67 กรณี ร.ต.ท.จรูญ ฟ้องครูปรีชากับพวกรวม 10 คนในข้อหาเบิกความเท็จ ในคดีหลัก วันนี้ (23 ก.ย.67) ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดพร้อมสอบคำให้การ
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ก.ย.67) จำเลยในคดีที่ อ.1558/2567 จำนวน 10 คนได้ทยอยเดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ตามที่ศาลนัดเอาไว้เพียงลำพัง ซึ่งจำเลยบางรายสื่อมวลชนไม่เคยเห็นหน้าตากันมาก่อน จึงไม่ทราบว่าจำเลยตามรายชื่อที่มีนั้นเป็นใครบ้าง ยกเว้น จำเลย 1.นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา จำเลยที่ 2.น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น จำเลยที่ 3.น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช จำเลยที่ 4.นางปณัญชยา สุขพูล หรือเจ๊เกียว และ จำเลยที่ 8.นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน
ขณะที่สื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อยู่นั้นปรากฏว่าครูปรีชา และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช ได้เดินผ่านด้านหลังแล้วเข้าไปภายในศาลทันที ส่วน น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางปณัญชยา สุขพูล หรือ เจ๊เกียว ได้เดินเข้ามาทักทายสื่อมวลชนตามปกติ โดยเจ๊บ้านบิ่น ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เดินทางมาทำหน้าที่ปกติตามที่ศาลท่านได้นัดเอาไว้ โดยวันนี้เดินทางมากับทนายความส่วนตัวและยังไม่ได้พบกับเจ๊เกียวกับเจ๊พัช เลย ถามว่าวันนี้มีความกังวลใจอะไรหรือไม่นั้น เจ๊บ้าบิ่นตอบว่า "อ๋อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว"
ขณะที่นางปณัญชยา สุขพูล หรือ เจ๊เกียว กล่าวว่า วันนี้เจ๊เกียวเดินทางมาขึ้นศาลเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกที่เดินทางมาคือเมื่อปี 2562 การที่ตนตกเป็นจำเลยในคดีนี้นั้นเจ๊เกียวได้ยืนประกันตัวไปแล้วเป็นเงิน จำนวน 5 หมื่นบาท ส่วนจำเลยคนอื่นเจ๊เกียวไม่ทราบ แต่ศาลท่านก็มีเมตตาลดให้แต่ขึ้นอยู่กับสภาพฐานะของจำเลยแต่ละคน ส่วนทนายความก็มีของใครของมันกันทุกคน ถามว่าวันนี้เจ๊เกียวจะยอมรับสารภาพกรณีเป็นจำเลยในข้อหาเบิกความเท็กหรือไม่ เจ๊เกียวตอบว่าไม่ เพราะเจ๊เกียวพูดเรื่องจริง พยานทุกคนพูดตามความจริงเท่านั้นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป้นหน่วยงานที่เชิญพยานไปสอบปากคำ และเราจะพูดความจริงตามที่เราได้เห็นและได้ยินโดยจะยืนยันเหมือนเดิมว่าหวยเป็นของพวกเราเหมือนเดิม ถามว่าวันนี้เครียดหรือกังวลใจอะไรหรือไม่ เจ๊เกียวตอบว่า ไม่เครียดและไม่กังวล
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าไปภายในบัลลังก์ศาลจังหวัดกาญจนบุรีว่า วันนี้เป็นวันที่ทางคุณลุงจรูญ ฟ้องดำเนินคดีกับครูปรีชา เจ๊เกียว เจ๊บ้านบิ่น เจ๊พัช นายแผน พร้อมพวกที่เป็นแม่ค้าในตลาดเรดซิตี้ รวม 10 คนในข้อหาเบิกความเท็จ กรณีที่ครูปรีชาเคยฟ้องลุงจรูญว่า ยักยอกทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดแล้ว โดยลุงจรูญชนะคดีมาในทุกชั้นศาล จากการที่ได้ดูคำเบิกความของพยานต่างๆในขณะนั้น น่าจะไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงในวันที่ 31 ต.ค.2560 ครูปรีชาไม่ได้เดินทางไปที่ตลาดเรดซิตี้ ตามที่พยานขึ้นเบิกความแต่อย่างใด ดังนั้นเราจึงได้มีการดำเนินคดีในข้อกล่าวหา "เบิกความเท็จ" ซึ่งคดีนี้เป็นคดีอาญามีโทษจำคุกสูงถึง 7 ปี หากจำเลยรายใดไม่มาศาลตามที่ถูกออกหมายเรียกไปแล้ว ก็อาจจะถูกออกหมายจับต่อไป ส่วนกรณีที่ลุงจรูญฟ้องแพ่งครูปรีชาคดีละ 1 ล้านบาทนั้นปัจจุบันลุงจรูญ ยังไม่ได้รับเงินจากครูปรีชาเลยแม้แต่บาทเดียว
ขณะที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ กล่าวว่าคดีนี้ตู้สู้กันในชั้นศาลมานานร่วม 7 ปีแล้ว ถามว่าเหนื่อยหรือไม่นั้น ตอบได้เลยว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อย แต่ก็ไม่ได้ท้อและไม่กลัว และไม่มีอะไรที่จะฝากบอกไปถึงครูปรีชา เพราะในความรู้สึกของผมจริงๆแล้วนั้น ก็ทราบกันอยู่แล้วว่าตั้งแต่เริ่มแรกว่าใครผิดหรือถูก ตัวครูปรีชา ก็รู้ว่าผิดหรือถูกแต่ยังมาดื้อรั้นอีกจึงอยากให้ศาลลงโทษในสถานหนัก โดยไม่ให้มีความเมตตาด้วยซ้ำไปนี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่โจทก์และจำเลยเข้าไปภายในบัลลังก์ได้ประมาณ 40 นาทีสื่อมวลชนก็ได้รับการประสานจากทนายตั้มว่า มีพยานที่เป็นแม่ค้าจำนวน 3 ราย จะขอถอนตัวและพร้อมที่จะไหว้ขอโทษลุงจรูญ ต่อหน้าสื่อมวลชนที่ด้านหน้าศาล ซึ่งลุงจรูญ รู้สึกเห็นใจและยินดีและพร้อมที่จะถอนฟ้องจำเลยทั้ง 3 ให้ด้วยความเต็มใจ จากนั้นจะแถลงต่อศาลอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับพยานที่ขอถอนตัวและยอมไหว้ขอโทษลุงจรูญ ประกอบด้วยจำเลยที่ 5.น.ส.บุปผา (ขอสงวนนามสกุล) จำเลยที่ 9.นางวาสนา (ขอสงวนนามสกุล) และจำเลยที่ 10.น.ส.กาญจนา (ขอสงวนนามสกุล) โดยจำเลยทั้ง 3 ให้เหตุผลว่า พวกตนไม่ได้ตั้งใจทำให้ลุงจรูญเดือดร้อน แต่พวกตนได้พบกับครูปรีชาในวันที่ 31 ต.ค.2560 จริง และได้มีการพูดคุยกับครูปรีชาในตลาดด้วย จึงตัดสินใจมาเป็นพยานให้ เพราะเชื่อว่าหวยเป็นของครูปรีชา จนมาถึงตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ แต่อย่างไรก็ตามพวกตนทั้ง 3 ไม่อยากมาขึ้นศาลอีกแล้ว เนื่องจากต้องมาเสียเวลาทำมาหากิน จึงตัดสินใจยอมไหว้ขอโทษเพื่อให้ลุงจรูญถอนฟ้องให้ ซึ่งลุงจรูญก็พร้อมที่จะยกโทษและยอมถอนฟ้องให้กับพวกตนทั้ง 3 เพราะเกิดความสงสาร
โดยหลังจากที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล รับไหว้คำขอโทษแล้ว จึงได้พูดกับจำเลยทั้ง 3 รายว่าคราวหน้าคราวหลังก็อย่าไปทำแบบนี้กับใครเขาอีก และหลังจากนี้ไปขอให้พวกทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำมาหากินด้านการค้าขายเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยไม่ต้องมาคอยขึ้นศาลแบบนี้ต่อไป หลังจากที่จำเลยทั้ง 3 ได้ยินที่ลุงจรูญพูดออกมาต่างก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ต่อมาเวลาประมาณ 12.30 น.นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ได้เดินออกมาจากศาลเพื่อกลับบ้านพัก สื่อมวลชนจึงไปขอสัมภาษณ์ ซึ่งครูปรีชา กล่าวว่า วันนี้ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดพร้อมฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย ในคดีเบิกความเท็จ ส่วนกรณีที่มีพยานขอถอนตัว จำนวน 3 รายนั้นเป็นสิทธิส่วนตัวของพยานตามกฎหมาย ซึ่งครูปรีชา ได้กล่าวเป็นคำสุภาษิทขึ้นมาว่า "โลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ซึ่งเป็นไปตามกรรมของมนุษย์และสัตว์โลก ความจริงก็คือความจริง ฉะนั้นเหตุของเรื่องและทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาไล่เลี่ยกันนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ และนางลาวัลย์ วิมูล หรือป้าลาวัลย์ ภรรยา ได้ออกมาจากศาล โดยนายษิทรา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลได้นัดพร้อมในคดีที่ลุงจรูญฟ้องครูปรีชา พร้อมพวกรวม 10 คนในข้อหาเบิกพยานเท็จ และศาลได้นัดสืบคดีในระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2568
สำหรับจำเลยที่ที่ถูกลุงจรูญฟ้อง จำนวน 3 รายเป็นแม่ค้าในตลาดได้ออกมาไหว้ขอโทษลุงจรูญ ซึ่งลุงจรูญมีเมตตายกโทษและได้ถอนฟ้องจำเลยทั้ง 3 ไปแล้ว ส่วนจำเลยชื่อนางวาสนา ที่ลุงจรูญถอนฟ้องให้นั้น เคยมีชื่อยื่นฟ้องลุงจรูญมาก่อน โดยนางวาสนา เล่าให้ฟังว่าขณะนั้นตนนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ต่อมาเจ๊เกียวได้นำเอกสารมาให้เซ็นต์ ครั้งแรกนั้นนางวาสนาเข้าใจว่าจะนำมาต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยไม่รู้มาก่อนว่าเอกสารที่ให้เซ็นต์นั้นเป็นเอกสารที่นำมายื่นฟ้องลุงจรูญ ซึ่งลุงจรูญก็เข้าใจจึงยอมยกโทษและถอนฟ้องให้
ขณะที่ ร.ต..จรูญ กล่าวว่า จากการที่ได้เจอหน้าครูปรีชา ดูแล้วน่าจะยอมรับสภาพของตนเอง ส่วนการที่ครูปรีชายังมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่นั้นคงเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนภายนอกที่อยู่หน้าบัลลังก์ แต่ถ้าเห็นหน้าภายในบัลลังก์ก็จะรู้ว่าหน้าจะเป็นคนละสีกันเลย โดยขณะที่อยู่ภายในบัลลังก์ครูปรีชาก็ได้เข้ามาพูดคุยและสอบถามว่าคดีทุกคดีจะจบอย่างไร ซึ่งลุงก็ได้แต่ยืนฟังอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่พูดตอบโต้แต่อย่างใด ถามว่าหากครูปรีชาต้องการขอโทษจะให้อภัยหรือไม่นั้น เรื่องนี้มันคงจบยาก เพราะผ่านมานานถึง 7 ปีแล้วแต่จะมาขอโทษเพียงแค่นาทีเดียวมันคงยาก เพราะที่ผ่านมาลุงเคยเปิดโอกาสให้มาแล้วหลายครั้งแต่ครูปรีชาไม่เคยใช้โอกาสนั้นเลย ถามว่าคดีจะจบลงเมื่อไหร่เรื่องนี้ก็ต้องต่อสู้กันต่อไปเพราะผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ครูปรีชา ได้กล่าวยกเอาคำสุภาษิทที่ว่า “โลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ซึ่งเป็นไปตามกรรมของมนุษย์และสัตว์โลก ความจริงก็คือความจริง”นั้น ถามว่าครูปรีชาจะรีบดับไปไหน ให้รอดูกันก่อน
ขณะที่นายษิทรา กล่าวเสริมขึ้นมาว่าเรื่องคดีทุกคดีขณะนี้ลุงสบายใจได้แล้ว เพราะที่ผ่านมาลุงจรูญชนะมาทุกคดี ส่วนจำเลยคดีฟ้องเท็จหากจำเลยแพ้คดีจะต้องถูกลงโทษจำคุกถึง 7 ปี แต่มีแค่ 2 อย่างคือรอดคุกกับติดคุกมีแค่สองทางเท่านั้นเอง ทางเราไม่มีอะไรจะต้องเสีย ส่วนฝ่ายครูปรีชาจะต้องรับกรรมในสิ่งที่เขาทำเท่านั้นเอง สำหรับคดีนี้เราฟ้องเรียกค่าเสียหายไป จำนวน 10 ล้านบาท หากจำเลยแพ้คดีต้องร่วมกันชดใช้ทุกคน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี