1.วิธี ตรึงราคา น้ำมันดีเซล ให้อยู่ที่ 30 บาทต่อลิตรหน้าปั๊ม น้ำมันเพื่อ ไม่ให้ค่าขนส่งขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ราคาสินค้าขึ้นน้อยลงเป็นการรักษาระดับราคาสินค้า
ปกติน้ำมันดิบเมื่อนำมากลั่น จะออกมาเป็นน้ำมัน 3-4 ชนิดหลักๆ ได้แก่ น้ำมันดีเซลประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแนฟท่า พวกอะโรเมติก และ น้ำมันเตา อีกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นถ้าเราตรึงราคาน้ำมันดีเซลในราคาพอสมควร คือ 30 บาทต่อลิตรโรงกลั่นน้ำมัน ก็สามารถโอนต้นทุนไปสู่น้ำมันเบนซิน น้ำมันเตา น้ำมันแนฟท่าและพวกอะโรเมติก ซึ่งถ้าตอนนี้ส่งออกก็จะมีกำไร แต่ถ้า ต้องโอนต้นทุนของดีเซลไปให้น้ำมันเบนซินและพวก aromatics ทั้งหลายก็อาจจะทำให้ตันทุนสูงขึ้น และทำให้กำไรของโรงกลั่นลดน้อยลงแต่ไม่ถึงกับขาดทุน
เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซล ให้กระทรวงพาณิชย์ สั่งโรงกลั่น ให้ขาย ราคาน้ำมันดีเซลในราคาควบคุม 28 บาทต่อลิตรหน้าโรงกลั่น และ สั่ง ควบคุมราคาหน้าปั๊มน้ำมัน ดีเซล 30 บาทต่อลิตร และกระทรวงพาณิชย์ต้องห้าม ส่งออกน้ำมันดีเซล มิฉะนั้น โรงกลั่นจะแกล้งส่งน้ำมันดีเซลทำให้น้ำมันดีเซลขาดแคลน และจะบังคับให้รัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีก สำหรับน้ำมัน เบนซินและน้ำมันเตา ให้เปิดเสรี ใครจะขายราคาเท่าไหร่ก็ได้ แต่ท้ายที่สุดน้ำมันเบนซินก็จะไม่แพงเกินไป เพราะ น้ำมันเบนซินเมื่อสูงขึ้นก็จะ Export ได้ลำบาก เพราะฉะนั้นก็จะมีการแย่งกันขายแข่งกันขายทำให้ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับสูงพอสมควร แต่ไม่สูงเกินไปและโรงกลั่นก็จะมีกำไรพอสมควร ไม่ทำกำไรเกินควรอย่างทุกวันนี้ ในการนี้รัฐบาลยังสามารถเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันได้ เพื่อลดหนี้ 1 แสนล้านบาทของกองทุนน้ำมันที่นายสุพัฒนพงศ์ก่อขึ้น
2.เนื่องจากขณะนี้คนจนเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลายล้านคน เป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้เป็นจำนวนมากกว่า 4 ล้านล้านบาท ทำให้ต้องเข้าอยู่ในบัญชี credit bureauเป็นเหตุให้ธนาคารไม่สามารถปล่อยกู้ให้คนเหล่านี้ได้แม้ว่ารัฐบาลจะอนุมัติเงิน 1 ล้านล้านบาทมาให้ธนาคารปล่อยกู้ แต่ธนาคารก็ปล่อยกู้ได้แค่ 1.5 แสนล้านบาทเท่านั้น วิธีแก้ความยากจนไร้อาชีพของคนสิบกว่าล้านคนนี้ ต้องให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยออกระเบียบให้ธนาคารพาณิชย์เรียกลูกหนี้เหล่านี้มารับสภาพหนี้และทำสัญญากู้ใหม่ ให้ชำระหนี้คืนหลัง 5 ปีไปแล้วพร้อมชำระดอกเบี้ยปีละ 1% คืนใน 3 ปี
หลังจากนั้นและไม่ต้องอยู่ในบัญชี credit bureau ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้เหล่านี้สามารถกู้เงินได้และธนาคารพาณิชย์ก็สามารถปล่อยกู้หนี้ดอกเบี้ยถูก 2-3 ล้านล้านบาท ให้ผู้ยากไร้เหล่านี้ไปเริ่มประกอบอาชีพใหม่ ซึ่งน่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายใน 5 ปี เจ้าหนี้ก็จะได้หนี้เงินคืนในที่สุด ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ต้องบันทึกเป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้ และสามารถบันทึกกำไร 4 ล้านล้านบาททำให้ราคาหุ้นของธนาคารดีขึ้นมากและกระทรวงการคลังก็เก็บภาษีเงินได้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท คนจนเหล่านี้จะมีสัมมาอาชีพมีความสุขโดยทั่วหน้า
3. นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องการทำอย่างเร่งด่วน นอกจากการทำโครงการใหญ่ๆ ทั้งหมดให้รีบออกมาโดยด่วน ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งสำคัญที่สุดด้วย นั่นคือ การลดค่าเงินบาทลง 10% ให้ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37 บาท (เหมือนเมื่อปี 2566) แทนที่จะเป็น 33 บาท อย่างทุกวันนี้ จะทำให้การส่งออกสินค้าง่ายขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรกรรม และ อุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการว่าจ้างแรงงานของประเทศ ทำให้คนว่างงานน้อยลง และก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างได้ผลเพิ่ม GDP อีกหลายเปอร์เซ็นต์
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี