สืบนครบาล รวบ "หนุ่มวัย20ปี" ตั้งกลุ่มขายคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงหญิงสาว คลิปลามก อนาจาร มีรายได้ 5 หมื่น/เดือน

วันที่ 24 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้เข้าตรวจค้น ได้นำหมายค้นศาลอาญาที่ 903/2567 ลงวันที่ 23 กันยายน 2567 เข้าทำการค้นห้องพัก ภายในซอยรามคำแหง 2 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งมีนายกิตติธัช อายุ 20 ปี พักอาศัยอยู่ แสดงหมายค้นให้ตรวจสอบดู เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นภายในห้องพัก

ผลการตรวจค้น ยึดของกลาง

1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน1 เครื่อง

2. iPad จำนวน 1 เครื่อง

3.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 1 เล่ม

เบื้องต้นตรวจสอบในโทรศัพท์ และไอแพด พบ คลิปสื่อลามกอนาจาร จากการสืบสวน พบว่ามีการตั้งกลุ่ม ขายคลิปโป๊ ประเภทแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิง นักเรียน,นักศึกษา ตามที่สาธารณะ bts ห้างสรรพสินค้า ตามบันไดเลื่อน ซึ่งเป็นภัยร้ายต่อสังคม

จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้,เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก,ผลิต มีไว้ซึ่งสื่อลามกเพื่อการค้าเพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน,ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น”

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหารับว่าได้ไปหาซื้อคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรง แล้วนำมาเผยแพร่ต่ออีกที ผ่านกลุ่มลับ มีรายได้จากการขายคลิป สื่อลามก อนาจาร ทางแอฟพลิเคชั่น VK และเทลาเเกรม เดือนละ ประมาณ 40,000-50,000 บาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ เตือนภัย ให้ระวังมือดีแอบถ่ายรูป ถ่ายคลิป ใต้กระโปรงสุภาพสตรี นำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย หรือขายตามกลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายมากต่อสุภาพสตรีทุกท่าน เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์ รถไฟฟ้า หรือในที่สาธารณะต่างๆ วิธีป้องกันตัวเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ถูกคุกคาม และผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ตั้งสติให้ดี และแสดงออกว่าคุณรู้ตัวและไม่ยินยอม ให้ลุกเดินหนีจากที่นั่ง ส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดให้รับทราบโดยเร็ว และสำหรับผู้ใดเผยแพร่ ส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลภาพโป๊ เปลือย ลามกและอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ผู้นั้นมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับเงินไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ