ยาเคโผล่ริมโขง 300 กก. มูลค่า 90 ล้านบาท แก๊งค้ายาเปลี่ยนเส้นทาง เพราะน้ำท่วมเหนือ ลูกน้องซิ่งฝ่าฝนหนีตาย จวนตัวทิ้งรถเผ่นเข้าป่า
24 กันยายน 2567 สืบเนื่อง พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณย์กานนท์ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครพนม และ พ.ต.ท.ชัชวาลย์ รัชตะประกร รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม ได้ประชุมวางแผนในการปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจะมีเพิ่มมากขึ้นและล้นตลิ่ง การขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านทางเรือ จึงทำได้ง่ายเพราะเข้ามาได้ลึกกว่าในฤดูแล้ง และสามารถหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้ดีกว่า
โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดที่ 2 ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดติด ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ศอ.ปส.ภ.จว.นครพนม) เพิ่มความถี่ในการออกตรวจจุดเสี่ยงในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะบริเวณถนนทางร่วมทางแยกสู่อำเภอรอบนอกทุกเส้นทาง เพื่อกระจายเข้าพื้นที่ตอนใน
กระทั่งเวลาประมาณสี่ทุ่ม วันที่ 23 กันยายน 2567 ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าชุดซุ่มโปร่ง ว่ามีรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเล็ต แค๊บ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน วิ่งฝ่าสายฝนผ่านสามแยกถนนสายบ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน มุ่งหน้าไปทาง อ.ศรีสงคราม ด้วยความเร็วสูง ลักษณะคล้ายมีการบรรทุกหนักผิดปกติ จึงได้วิทยุแจ้งให้ชุดปฏิบัติการอีกจุดให้ทราบ และได้ติดตามรถคันดังกล่าวไป ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เมื่อไล่ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยไปได้สักระยะ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จึงส่งสัญญาณให้จอดตามยุทธวิธี แต่รถยนต์ต้องสงสัยได้เร่งเครื่องด้วยความเร็วเพื่อหลบหนี โดยไม่กลัวว่ารถจะลื่นไถลพลิกลงข้างทางจากอิทธิพลของพายุฝน และทิ้งระยะห่างรถของเจ้าหน้าที่ที่ไล่ตามหลัง จนมาถึงบริเวณใกล้สามแยกคำสะอาด ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม พบรถยนต์คันดังกล่าวได้จอด และเปิดประตูด้านคนขับทิ้งไว้ จึงเข้าตรวจสอบโดยรอบบริเวณ ที่เป็นทุ่งนาและสวนป่ายูคาลิปตัส โดยพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีไฟส่องสว่าง เจ้าหน้าที่เกรงคนร้ายมีอาวุธเพราะอยู่ในที่มืด เพื่อเซฟความปลอดภัยจึงไม่ได้ติดตาม ไม่พบผู้ใด
ต่อมาตรวจสอบรถยนต์ พบหีบห่อทรงสี่เหลี่ยม ด้านนอกหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ จำนวน 10 กระสอบ ภายในพบห่อชาจีนหุ้มด้วยพลาสติกใส เบื้องต้นทราบว่าเป็นยาเสพติดเคตามีนหรือยาเค จำนวน 300 ห่อ น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดรถยนต์และยาเสพติด นำมาที่กองกำกับการสืบสวน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจพิสูจน์ทราบว่าเป็นยาเสพติดชนิดใด จะได้ขยายผลติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป
สำหรับราคาซื้อขายในไทย ประมาณกิโลกรัมละ 300,000 บาท การตรวจยึดจับกุมครั้งมี จำนวน 300 ห่อๆละ 1 กิโลกรัม มูลค่า 90,000,000 บาท หากสามารถลักลอบไปถึงต่างประเทศราคาจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
เดิมช่องทางลักลอบนำเข้า ลำเลียงมาจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ หรือภาคตะวันตกของไทย ทางด้าน จ.เชียงราย,เชียงใหม่ และ จ.กาญจนบุรี เพื่อนำไปขายต่อให้ผู้ขายปลีก ผู้เสพพื้นที่ตอนใน รวมถึงเป็นสถานบันเทิงชื่อดังแถบภาคตะวันออก ก่อนที่จะกระจายไปยังภาคใต้ โดยยาเคตามีนหรือยาเค นิยมใช้ช่องทางเดียวกับยาบ้า ไอซ์ หรือยาอี
แต่เนื่องจากช่วงต้นเดือนกันยายน จังหวัดทางภาคเหนือของไทย เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ไม่สามารถลำเลียงได้ ขบวนการค้ายาเสพติดจึงเปลี่ยนมาใช้เส้นทางภาคอีสาน โดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดน ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับการลำเลียงยาบ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่บูรณาการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกต่อไป
ทั้งนี้เคตามีนหรือยาเค เป็นยาที่ใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ กลับกลายเป็นยาเสพติดฤทธิ์ร้ายแรง เมื่อถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ลักษณะเป็นผงผลึกสีขาว และน้ำใส นับเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรง หากเสพติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาต่อสมอง ในด้านของความทรงจำและสติปัญญา สมองมีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้และเกิดปัญหาทางจิต นอกจากนี้ยังเสี่ยงเสียชีวิตจากการเสพเกินขนาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี