เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวและปลาเก๋าในกระชังในตำบลวังวน อำเภอกันตัง ประสบปัญหามวลน้ำจืดจากแม่น้ำตรังไหลลงสู่ทะเล ทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ 2 หมู่บ้านรวมกว่า 2 แสนตัวลอยตายเกลื่อน หนักสุดในรอบ 6 ปี บางรายอีก 2 วันกำลังจะจับขาย ทำขาดทุนยับ วอนหน่วยงานเร่งช่วย
เมื่อเวลา 11.20 น.วันนี้ (26 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ตรัง เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังรวม 2 หมู่บ้านในตำบลวังวน อ.กันตัง ประกอบด้วยหมู่ที่ 1 บ้านท่าเรือ และหมู่ที่ 3 บ้านแหลมรวม 100 กระชังต่างประสบปัญหามวลน้ำจืดจากแม่น้ำตรัง ไหลลงสู่ทะเล ทำให้ปลากะพงขาวและปลาเก๋าที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ในกระชังกว่า 200,000 ตัวลอยตายเกลื่อน เพราะปรับสภาพไม่ทัน เนื่องจากน้ำจืดไหลมาเร็วและแรงมาก จนเกษตรกรตั้งรับไม่ทัน
โดยเฉพาะที่หมู่ที่ 1 บ้านท่าเรือ เกษตรกรบางรายกำลังจะจับปลาขายในอีก 2 วันข้างหน้า แต่เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พ่อค้าคนกลางระงับการสั่งซื้อจนกว่าน้ำจะลดลง เพื่อให้ความเค็มของน้ำคงที่ จึงทำให้ปลากะพงขาวที่เตรียมจะจับขายในราคากิโลกรัมละ 150 บาทและปลาเก๋ากิโลกรัมละ 250 บาท ขนาดน้ำหนักตัวละ 2-3 กิโลกรม ซึ่งใช้เวลาเลี้ยงนานกว่า 1 ปี ได้ลอยตายทั้งหมด เสียหายนับแสนบาทต่อราย
ส่วนกระชังปลาของเกษตรกรรายอื่น ๆ ที่มีอายุ 5-6 เดือนก็ลอยตายจนเกลี้ยง ประมาณ 400-500 ตัวต่อวันมาเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 6 ปีแต่ปีนี้ฝนตกหนัก มีน้ำท่วมหลายหมู่บ้านสองฝั่งแม่น้ำตรังจึงทำให้น้ำจืดไหลลงสู่ทะเลเป็นจำนวนมากแม้ชาวบ้านจะเร่งติดต่อพ่อค้ารับซื้อก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันการ ทำให้เกษตรกรเกือบ 100 รายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก นับเป็นเหตุการณ์น้ำจืดไหลลงทะเลหนักที่สุดในรอบ 6 ปี
ขณะที่ประมงอำเภอกันตังและประมงจังหวัดตรังได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของเกษตรกรแล้ว แต่พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีเพียงใบอนุญาตให้เลี้ยงปลาในกระชัง ทำให้เกษตรกรรู้สึกท้อใจ เพราะยังไม่ได้รับคำตอบเรื่องเงินเยียวยาแต่อย่างใด
โดยนายประกิจ พิทักษ์กาญจน์ อายุ 54 ปีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังหมู่ที่ 1 บ้านท่าเรือ ต.วังวนกล่าวว่า ปลาที่ลอยตายมีปลาเก๋ากับปลากะพง แต่ละวันลอยตายประมาณ 400-500 ตัว ส่วนของตนเลี้ยงไว้ประมาณ 1,000 ตัวอายุประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ซึ่งของตนกำหนดจับขายเมื่อ 2-3 วันที่แล้วแต่น้ำจืดลง พ่อค้ารับซื้อจึงสั่งหยุดไว้ก่อน ทำให้ปลาตายทั้งหมดค่าเสียหายนับแสนบาทต่อราย ซึ่ง 5-6 ปีแล้วที่ไม่เคยเจอน้ำจืดมากขนาดนี้ ตอนฝนตกหนักก็ตั้งรับด้วยการติดต่อผู้ซื้อแล้ว แต่เกิดน้ำท่วมเสียก่อน คนซื้อจึงสั่งระงับ บอกค่อยมาขึ้นปลาตอนน้ำเค็ม ทำให้ปลาตายเสียก่อน เอาไม่ทัน ซึ่งตอนนี้ประสานไปทางประมงจังหวัดและประมงอำเภอ และ อบต.ในพื้นที่ว่าจะมีทางช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร
ส่วนเรื่องการขออนุญาตได้ประสานกับทางอำเภอ ทางอำเภอบอกว่าเป็นใบอนุญาตเลี้ยงปลาแต่ไม่ใช่ทะเบียน ก็เลยไม่ทราบว่าจะมีการเยียวยาแบบไหน ยอมรับว่าท้อ ซึ่งเลี้ยงมาทุกปี ปีนี้หนักสุด แต่จะเลี้ยงต่อไปเพราะมันเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านและของตนด้วย โดยตนลงทุนเลี้ยงปลารอบนี้ประมาณ 50,000-60,000 บาท หายหมดเกลี้ยง
ด้านนายอนุชา แซ่อุ้ย กำนันตำบลวังวน กล่าวว่า ตอนนี้ที่ได้รับข้อมูลมามีเลี้ยงปลาอยู่ 2 หมู่บ้านคือหมู่ 1 บ้านท่าเรือและหมู่ 3 บ้านแหลม ภาพรวมมีประมาณ 100 กระชังไม่ต่ำกว่า 200,000 ตัว เป็นปลาเก๋ากับปลากะพงขาว เลี้ยงกันหลายรายหลายเจ้า บางรายเลี้ยงกันมาเป็นปีสองปีแล้ว บางรายก็เพิ่งลงเลี้ยง 5-6 เดือน สาเหตุน่าจะเกิดจากฝนตกหนัก ทำให้น้ำในลำคลองจืด ปลาปรับสภาพไม่ทัน ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน 6 ปีแล้ว และได้ประสานงานกับประมงอำเภอและประมงจังหวัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้ามาช่วยดูแลแล้ว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี