กทม. เร่งทำแผนจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าตามประกาศใหม่ ยกเว้นหลักเกณฑ์ให้ผู้ค้ายื่นหลักฐานภาษีเงินได้ในปีแรก
นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กล่าวกรณีมีข้อสังเกตการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทำการค้าและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะต้องเป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปีโดยอ้างอิงจากเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายการประกอบธุรกิจตามหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจทำให้เกิดช่องโหว่ในการจัดระเบียบแผงลอยว่า ตามประกาศ กทม. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะลงวันที่ 29 ส.ค. 2567 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรก ดังนั้น จึงได้ยกเว้นหลักเกณฑ์ไว้ในปีแรกที่มีการแจ้งความประสงค์เนื่องจากผู้ค้าส่วนใหญ่อาจยังไม่เคยยื่นภาษีเงินได้กับกรมสรรพากรจึงเป็นการให้โอกาสทำการค้า และในปีต่อไปหากผู้ค้ายังมีความประสงค์จะขายสินค้าต่อ จะต้องไปยื่นภาษีฯกับกรมสรรพากรและนำหลักฐานการยื่นที่แสดงว่ามีเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย ไม่เกิน 300,000 บาท มาแสดงกับ กทม. ซึ่งหากมีรายได้เกิน หรือไม่มีหลักฐานการยื่นจะต้องถูกตัดสิทธิ์ โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากเป็นการให้ผู้ค้าเข้าสู่ระบบภาษีแล้ว ยังป้องกันเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการพิจารณาคุณสมบัติผู้ค้าและเป็นการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ รวมทั้งปัจจุบันการยื่นแสดงภาษีต่อกรมสรรพากรมีระบบให้ยื่นได้หลายช่องทาง อาทิ ช่องทางออนไลน์ เป็นต้น สำหรับมาตรการอื่นๆ กทม. ยังให้ความสำคัญและสั่งการให้เจ้าหน้าที่กวดขันการทำการค้าบนทางเท้าให้เป็นไปตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาความสะอาด โดยได้กำหนดให้ผู้ค้าต้องหยุดทำการค้าสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชนและร่วมกันทำความสะอาดทางเท้า
ทั้งนี้ ประกาศ กทม. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ เป็นมาตรการหนึ่งของผู้ว่าฯกทม.ในการขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย โดยให้ความสำคัญกับประชาชนที่ใช้ถนนและทางเท้าเป็นหลัก รวมถึงต้องมีความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนการทำการค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ โดยเฉพาะทางเท้าจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ทางเท้า พร้อมเร่งจัดหาพื้นที่เอกชน หน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อจัดทำเป็นศูนย์อาหาร (Hawker Center) ให้เป็นรูปธรรม เน้นเรื่องความโปร่งใสการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนควบคุมไม่ให้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ และแต่งตั้งคณะกรรมการในระดับ กทม. และระดับเขตเข้ามาดูแลการทำการค้าหาบเร่-แผงลอย โดยให้สำนักงานเขตจัดทำแผนการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าที่มีอยู่ทั้งหมด ทั้งในจุดและนอกจุดผ่อนผันให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 จากนั้นจะมีคณะกรรมการตรวจประเมินฯ หากผ่านการประเมินความถูกต้องและเหมาะสมจะนำเข้าสู่กระบวนการพัฒนาให้เป็นจุดผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากพื้นที่ไม่เหมาะสมหรือผู้ค้าไม่ให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบฯจะต้องบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 86 จุด ผู้ค้า4,500 ราย ประกาศเป็นพื้นที่ทำการค้าแล้ว55 จุด ผู้ค้า 3,409 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาประกาศ 31 จุด ผู้ค้า 1,091 ราย ต่อมาพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผันที่ประกาศแล้ว 55 จุด คงเหลือ 52 จุด อยู่ระหว่างพิจารณาประกาศ 31 จุด คงเหลือ 16 จุด ปัจจุบันคงเหลือพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 68 จุด ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผันได้มีการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า โดยยกเลิกจุด ยุบรวมจุด และย้ายเข้าพื้นที่เอกชน ในปี 2567 จะดำเนินการยกเลิกหรือยุบรวมจุด 105 จุด ในพื้นที่ทำการค้าที่มีผู้ค้าจำนวนน้อยราย โดยได้จัดหาพื้นที่รองรับผู้ค้าให้เข้าไปทำการค้าในจุดที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้คงเหลือพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 381 จุด ผู้ค้า 10,986 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี