‘อุ๊งอิ๊งค์’ลุยโคลนสั่งกู้เชียงราย
เหนือยังไม่พ้นภัย
อุตุฯเตือนฝนกระหน่ำถึง3ต.ค.
หวันน้ำป่าทะลักท่วมฉับพลัน
เจ้าพระยาสุดอั้นเร่งปล่อยน้ำ
อ่างทองสำลัก/ท้ายเขื่อนระทึก
กรมอุตุฯ ประกาศเตือนอากาศแปรปรวนยาวถึง 3 ตุลาคม ระวังฝนตกหนักในภาคเหนือตอนบนอีสาน ระวังน้ำป่าน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่ “เขื่อนเจ้าพระยา” เพิ่มการระบายน้ำสุดกำลังทำระดับน้ำท้ายเขื่อนขึ้นพรวด น้ำล้นคันคลอง ทะลักเข้าอ่างทอง ส่วนแม่น้ำยมเข้าท่วมพื้นที่ อ.สวรรคโลก บางจุดสูงกว่า 2 เมตร เมืองเชียงใหม่ เร่งทำความสะอาดหลังน้ำลด ด้านนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ นำ ครม. ลุยพื้นที่แม่สาย เชียงราย ลุยโคลนซับน้ำตาชาวบ้าน คุณยายวัย 80 ปี ร้องไห้โฮ ไม่คิดว่าจะได้เจอนายกฯ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง “อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 1 โดยระบุว่า ในช่วงวันที่ 29 ก.ย. - 3 ต.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง
ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“เขื่อนเจ้าพระยา”ปล่อยน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำลงพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน-น้ำปัจจุบัน ด้านพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำเร่งสำรวจพื้นที่จุดเสี่ยงหลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ 1,899 ลบ.ม./วินาที เป็นนิวไฮ สถิติการระบายน้ำสูงสุดในรอบปี ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ขึ้นพรวดจากเมื่อวานกว่า 1.3 ม.รทก.
สำหรับปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,934 ลบ.ม./วินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.48 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 14.19 ม.รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 2.15 ม.รทก. และเขื่อนเจ้าพระยา มีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 1,899 ลบ.ม./วินาที จึงส่งผลทำให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,791 ลบ.ม./วินาที
ต.หาดอาษา เตรียมรับสถานการณ์
ขณะที่ทางเทศบาลตำบลหาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เร่งลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยงบางรับน้ำที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเตรียมทำการอุดและวางกระสอบทรายป้องกันน้ำ เนื่องจากพื้นที่ตำบลหาดอาษาเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา หากเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำจะเริ่มไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน
ทางด้าน นางชัณณ์ญาช์ สุภาวิตา นายกเทศมนตรีตำบลหาดอาษา เผยว่า ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลหาดอาษาได้ออกสำรวจบางรับน้ำที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตำบลหาดอาษาเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และมีบางรับน้ำ 7-8 บาง โดยบางรับในหลายจุดตอนนี้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มไหลย้อนเข้าแล้ว ทางเทศบาลจึงได้เร่งอุด โดยหากเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำอยู่ที่ 2,000 -2,200 ลบ.ม./วินาที ทางเทศบาลจะต้องเร่งวางแนวกระสอบทราย เพื่อไม่ให้มวลน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ทางชุมชนเคยสู้กัน ร่วมแรงร่วมใจป้องกันน้ำท่วม เราสู้กันได้ถึงเขื่อนระบาย 2,500-2,600 ลบ.ม./วินาที
นอกจากนี้ ทางเทศบาลก็ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำ หากเขื่อนเจ้าพระยามีการค่อยๆ ปรับเพิ่มการระบายน้ำก็จะสามารถวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำได้ โดยพื้นที่จุดเสี่ยงของตำบลหาดอาษาจะอยู่ในพื้นที่ ม.3 บ้านบางตาเณร หากจุดนี้ไม่มีการป้องกันก็จะทำให้น้ำท่วมทั้งตำบล.
น้ำล้นคันคลองเข้าท่วม อ.สวรรคโลก
เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำบริเวณคลองยม-น่าน ที่รับน้ำจากแม่น้ำยมมาจากทางประตูระบายน้ำบ้านคลองหกบาท ต.ป่ากุมเกาะ เอ่อล้นเข้าท่วมและกัดเซาะริมคลองในพื้นที่หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย แม้ว่าปริมาณน้ำในคลองยม-น่าน มีปริมาณลดลงเล็กน้อย แต่บริเวณที่คันคลองถูกน้ำกัดเซาะขาดเป็นแนวยาวประมาณ 20 เมตร ปริมาณน้ำยังคงไหลบ่าเข้าท่วมสวนมะม่วงและไร่อ้อย รวมทั้งบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 7 และไหลข้ามถนนมิตรภาพซอย 5 ไปยังย้อนไปทางถนนมิตรภาพซอย 4 ซึ่งอยู่ติดกัน มวลน้ำจะย้อนไปทางพื้นที่หมู่ 13
นางพร ป้องกัน อายุ 71 ปี เล่าว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ในเมือง ที่หมู่ 7 และหมู่ 13 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกันถูกน้ำท่วมครั้งเป็นรอบที่ 2 ทำให้บางจุดน้ำท่วมบ้านชาวบ้านบางจุดสูงกว่า 2 เมตร จำเป็นต้องนำรถยนต์ รวมถึงสัตว์เลี้ยงนำมาไว้บนถนนในที่สูง ส่วนบ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นยกพื้นมีใต้ถุนสูงจึงยังอาศัยอยู่บนบ้านได้.
น้ำล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วม ต.โผงเผง
ที่พื้นที่นอกคันกันน้ำริมคลองโผงเผง หมู่ 1 ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง น้ำเจ้าพระยาเริ่มเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนนอกเขตคันกั้นน้ำสูง 40-50 เซนติเมตรแล้ว
ขณะที่ นายมนตรี โตศิลปกิจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง ได้เร่งนำกำลังเจ้าหน้าที่ขนกระสอบทราย มาวางคันแนวป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนนอกคันน้ำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ตำบลโผงเผง นอกคันกั้นน้ำ พื้นที่หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 ท่วมแล้ว 3 หมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 20 หลังคาเรือน จึงต้องเร่งป้องกันวางกระสอบทรายและสร้างคันดินป้องกันเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่นอกเขตคันกั้นน้ำอย่างเร่งด่วน
นายรักศักดิ์ เทียนไชย นายอำเภอป่าโมก ได้เตรียมนำถุงยังชีพออกแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นตลิ่ง บรรเทาความเดือดร้อน หลังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ระบายลงสู่ท้ายเขื่อน 1,899 ลบ.ม./วินาที ทำให้น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ้านเรือนประชาชนนอกเขตคันกั้นน้ำ หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลโผงเผง ได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูง 40-50 ซม.แล้วกว่า 20 หลังคาเรือน
ด้านสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.อ่างทอง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สถานีวัดน้ำหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง ระดับน้ำสูง 7.08 เมตร จากระดับตลิ่ง 10.00 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,629 ลบ.ม./วินาที
น้ำยมล้นท่วมสุโขทัย
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ ถนนสุโขทัย-วังไม้ขอน ม.6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย น้ำยังท่วมสูงเนื่องจากน้ำที่เอ่อล้นออกมาจากแม่น้ำยม อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทีมกู้ภัยฯ ยังฝ่ากระแสน้ำกลางชุมชนเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ บางพื้นที่น้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยวจนถนนขาด ไม่สามารถเดินทางเข้า-ออก พื้นที่ได้
น.ต.กวิน เจริญศิริ ประธานกลุ่มทีมตอบโต้ภัยพิบัติสัตหีบ ร่วมกับ นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี ประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายวิสิทธิ์ ชวลิตนิติธรรม ประธานชมรมกู้ภัยสว่าง และประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน ได้ส่งเรือท้องแบนและเรือยาง จำนวน 10 ลำ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการทางน้ำ นำกำลังลงไปช่วยเหลือ ภายหลังจากได้เข้าเหลือในพื้นที่ จ.ลำปาง จนสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว
จึงได้นำกำลังและอุปกรณ์การช่วยเหลือเข้ามาสมทบหน่วยกู้ภัยฯ ในพื้นที่ เข้าให้การช่วยเหลือผู้ป่วยตามบ้าน และอพยพผู้คนและสิ่งของ ออกจากพื้นที่เสี่ยง อย่างต่อเนื่อง
เร่งทำความสะอาดเมืองเชียงใหม่
นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) และหน่วยงานต่างๆ ระดมพลล้างทำความสะอาดเมืองเชียงใหม่ครั้งใหญ่ หลังสถานการณ์น้ำท่วมใกล้กลับคืนสู่ภาวะปกติ ใน 5 เส้นทางหลักที่น้ำแห้ง ประกอบด้วยแยกโรงแรมอนันตรา - โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย แผนกประถม (ถนนเจริญประเทศ) แยกแสงตะวัน - แยกโรงแรมบัวระวง (ถนนช้างคลาน) แยกโรงแรมบัวระวง - แยกโรงเหล้า (ถนนช้างคลาน) โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย แผนกประถม - โรงแรมระติล้านนา (ถนนเจริญประเทศ) และที่สะพานนวรัฐ - สี่แยกหนองหอย (ถนนเชียงใหม่ - ลำพูน) ก่อนขยายพื้นที่ไปให้ครอบคลุมทั้งหมดคาดว่าใน 2 วันจะเข้าสู่ปกติ
ทั้งนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมอำนวยการปฏิบัติงานและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ด้วย
ทางด้านสำนักชลประทานที่ 1 โครงการชลประทานเชียงใหม่และหน่วยงานในสังกัดระดมเครื่องสูบน้ำสู่บริเวณที่ยังท่วมขังให้ระบายลงน้ำปิงเพื่อลดผลกระทบในหลายโซน เนื่องจากน้ำปิงต่ำกว่าตลิ่งล่าสุดครึ่งวันเช้าที่ P1 ต่ำกว่า 3.75 เมตรแล้ว ไม่มีฝนตกซ้ำทำให้น้ำลดลงเร็วขึ้น
ท้ายเมืองยังอ่วม! ระดมกำลังช่วย ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม้ในตัวเมืองน้ำจะเริ่มแห้งและดีเป็นลำดับ แต่มวลน้ำที่ขยับไปทางตอนใต้ของเชียงใหม่ก็ได้ไปท่วมบ้านเรือนราษฎร สถานที่ต่างๆ เป็นบริเวณกว้างในอำเภอสารภีเขตรอยต่อ หลายหมู่บ้านระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร หน่วยงานต่างๆ จึงยังต้องระดมให้การช่วยเหลืออพยพดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องด้วย
นายกฯ นำ ครม. ตักบาตรเช้าก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจในวันที่ 2 ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางตรวจราชการ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 27 - 28 ก.ย. ภายหลังนายกฯนอนพักข้างคืนที่จังหวัดเชียงราย 1 คืน จากนั้นวันที่ 28 ก.ย. ช่วงเช้าก่อนเริ่มปฎิบัติภารกิจ นายกฯพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ได้ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป ที่โรงแรมเลอเมอริเดียนเชียงราย ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก
“อุ๊งอิ๊ง”ลุยโคลนซับน้ำตาชาวบ้าน
ต่อมาเวลา 09.55 น. น.ส.แพทองธาร เดินทางถึงบ้านเกาะทราย พร้อมลงเดินลุยโคลนเข้ามาในซอยบ้านเกาะทราย 9 โดยได้ให้กำลังใจทหารกองบัญชาการทหารพัฒนา ที่กำลังช่วยกวาดดินโคลนออกจากบ้านเรือนประชาชน จากนั้นรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และแนวทางการฟื้นฟูในพื้นที่ จากนั้นนายกฯได้เข้าไปเยี่ยมบ้านประชาชนที่ได้รับผลกระทบและพูดคุยสอบถามถึงขั้นตอนการขูดโคลนและใช้เครื่องดันน้ำแรงดันสูงฉีดโคลนออกจากบ้านเรือน
นายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมเยียนบ้านประชาชนที่ได้รับความเสียหายและมีดินโคลนเข้าภายในบ้านจำนวนมาก โดยประชาชนได้ร้องไห้เข้าสวมกอดนายกฯพร้อมเล่าถึงความเดือดร้อน ทำให้นายกฯน้ำตาคลอ ก่อนที่นายกฯได้ทักทายผู้สูงอายุที่หน่วยแพทย์ทหารได้เข้ามาตรวจสุขภาพ วัดความดันให้ โดยนายกฯกล่าวให้กำลังใจคุณยาย ขอให้มีกำลังใจนะ วันนี้มากันหมดเลยทั้งนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ช่วยแน่นอน และมีสาธารณสุขคอยดูแลเรื่องยา
ยายวัย80ปี ร้องไห้โฮ หลังเจอนายกฯ
นายกฯ ยังได้เข้าไปเยี่ยมคุณยายตาล หงศ์คำ อายุ 80 ปี ซึ่งคุณยายร้องไห้โฮและยกมือท่วมหัวหลังจากได้เจอนายกฯ พร้อมกล่าวว่า ไม่คิดว่าชีวิตยายจะได้เจอกับนายกฯ ซึ่งนายกฯได้สอบถามถึงอาการป่วยและแพทย์ที่เข้ามาดูแลและจ่ายยาให้กับคุณยายถึงบ้านเนื่องจากไม่ยอมออกจากบ้านตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ นายกฯระบุว่าให้กำลังใจยายนะ ไม่เป็นไรทุกคนเข้ามาช่วยทั้งหมด และขอยืนยันว่าเท่าที่พูดคุยกับทหารจะไม่มีใครออกจากพื้นที่เลย จะดูให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนและเร่งทำงาน อีกทั้งรัฐบาลดูแลเรื่องของการจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งเงินมาถึงมืออย่างแน่นอน พร้อมให้กำลังใจและขอให้คุณยายทานยาอย่างต่อเนื่อง และชมว่าอายุขณะนี้ถือว่าเก่งแล้วที่ยังแข็งแรงอยู่ พร้อมเตือนว่าที่เป็นโรคความดันและเบาหวานผลไม้ก็มีน้ำตาลเยอะขอให้ระวัง นายกฯ ยังมอบยารักษาโรคประจำตัวให้คุณยาย ก่อนเดินมาพบกับกลุ่มนักเรียนโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ที่มาช่วยทำความสะอาดในพื้นที่ นายกฯ จึงให้กำลังใจในการทำงานช่วยเหลือประชาชน
“โค้ชเอก”เสนอตั้งศูนย์ฟื้นฟูจิตใจ
นอกจากนี้ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอกของทีมหมูป่า ได้ยื่นข้อเสนอถึงนายกฯ ขอให้ช่วยประสานงานจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และฟื้นฟูจิตใจเด็กและเยาวชนในชุมชนผู้ประสบภัย รวมถึงให้ตั้ง ศปช. ชุมชน ทำงานร่วมกับ ศปช. ส่วนหน้า และช่วงปิดภาคเรียนขอให้มีมาตรการกระตุ้นสนับสนุนเยาวชนในพื้นที่ที่ประสบภัยได้เป็นจิตอาสาเพื่อมีรายได้พิเศษจากการทำงานช่วยเหลือฟื้นฟูชุมชน
จากนั้นนายกฯพร้อมคณะเดินทางไปยังวัดพรหมวิหาร อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบปะให้กําลังใจ และมอบเงินเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ๆ ละ 29,700 บาท และหัวหน้าครอบครัว จำนวน 1 ราย จำนวนเงิน 59,400บาท มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอำเภอแม่สาย บ้านเสียหายจำนวน 50 ครอบครัว เป็นเงิน 2,475,000 บาท มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามมติคณะคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 อำเภอแม่สายจำนวน 222 ครัวเรือนเป็นเงิน 1,110,000 บาทถ้วน มอบชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนให้กับผู้ประสบภัย และมอบผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก จำนวน 102 ห่อใหญ่ จากเงินส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี
เยือนเชียงใหม่ดูแม่น้ำปิง
สำหรับภารกิจในช่วงบ่าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 13.50 น. นายกฯติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตชุมชน บริเวณสถานีวัดระดับน้ำ P1 ณ เชิงสะพานนวรัฐ
โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์น้ำยืนยันว่าปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดการระบบบริหารจัดการน้ำได้ค่อนข้างดีจึงไม่มีปัญหาสามารถเคลียร์ได้ในระดับหนึ่ง และสถานการณ์ในปัจจุบันที่แม่น้ำปิงบริเวณสะพานนวรัฐก็ลดระดับลงไปได้เยอะ ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูเยียวยาก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งระดับน้ำอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตลิ่งแล้ว
นายกฯได้เดินดูบริเวณสถานีวัดระดับน้ำ P1 ก่อนทักทายกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใส่เสื้อยืดสีแดงสกรีนภาพนายกฯ พร้อมมีข้อความระบุว่า “Ing FC” มาให้กำลังใจ พร้อมเซ็นลายเซ็นบนเสื้อและถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งนายกฯระบุว่าไม่เคยเห็นเสื้อรุ่นนี้เลย ขณะที่ชาวบ้านตะโกนเรารักอุ๊งอิ๊ง
มอบถุงยังชีพให้ชาวบ้าน
จากนั้นเวลา 14.15 น. ที่วัดเมืองสาตรหลวง ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่นายกรัฐมนตรี มอบถุงยังชีพ และพบปะประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยเมื่อมาถึงนายกฯ เดินทักทายเจ้าหน้าที่ทีมเยียวยาจิตใจ โรงพยาบาลสวนปรุง สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 1 อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่คอยช่วยเหลือประชาชนในช่วงอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่
ต่อจากนั้นนายกฯมอบถุงยังชีพ และพบปะประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ก่อนที่นายกฯจะเดินมาเยี่ยมบ้าน นายเชิด สุวรรณทะมาลี อายุ 82 ปี โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้ยินว่าได้เงิน 10,000 บาทแล้ว ดีใจหรือไม่ ขอให้กำลังใจสู้ๆนะคะ จะช่วยดูแลกันจ๊ะ ด้านนายจุลพันธ์ กระเซ้าว่าใช้หมดหรือยัง ด้านคุณตาเชิดกล่าวว่า ยังไม่หมด แต่ไม่บอก ก่อนคุณตาเชิดอวยพรนายกฯว่า ขอให้นายกฯอยู่สุขสบาย และอยู่นานๆ นายกฯถามว่าตนเองหน้าเหมือนคนเมืองไหม คุณตากล่าวว่า เหมือนคนเมืองขนาด ขณะที่ลูกสาวคุณตาบอกว่า งามเหมือนชาวเหนือเลยเจ้า นายกฯจึงกล่าวขอบคุณคะ
เดินทางกลับกทม.ชื่นมื่น
จากนั้นนายกฯ เดินมาบ้านของ นางศรีนวล ท้าวแดนคำ อายุ 91 ปี โดยนายกฯ กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปจังหวัดเชียงรายและเดินทางมาที่นี่เพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่นายกฯขอให้ผู้สูงอายุได้อวยพรรัฐบาล โดยตัวแทนผู้สูงอายุระบุว่า ขอให้รัฐบาลอยู่นานๆมีความสุขความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอทำอะไรก็อย่าได้มีใครขวาง นายกฯจึงกล่าวกลับว่า ขอให้พรกลับไปหาทุกคนร้อยเท่าทวีคูณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ได้หันไปถามผู้สูงอายุอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นางศรีนวล ว่าอายุเท่าไหร่ เมื่อได้คำตอบว่าอายุ 83 ปี นายกฯจึงกล่าวแซวว่าอายุเท่ากันเลย 38 และ 83 ทำให้บรรดาผู้สูงอายุต่างหัวเราะชอบใจ ก่อนที่นายกฯจะมอบสิ่งของเครื่องใช้ให้ และถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี