สมศ.พร้อมประเมินสถานศึกษาปี 68 กว่า 1.5 หมื่นแห่ง เน้นประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยในสถานศึกษา
วันที่ 30 กันยายน 2567 ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. กล่าวถึงภาพรวมของการประเมินสถานศึกษา ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 5,139 แห่ง โดยมีสถานศึกษาผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ ที่ สมศ.กำหนดไว้ กว่า 90% คือ สถานศึกษาจะต้องดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเอง และแผนการปฏิบัติงานประจำปีของสถานศึกษาเอง ปีนี้ะือว่า สมศ.ทำการประเมินได้เกินกว่าเป้า 20% เนื่องจาก สมศ. ตั้งเป้าไว้ 4,200 กว่าแห่ง
“สำหรับในปีการศึกษา 2568 สมศ.ตั้งเป้าจะประเมินสถานศึกษาตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2568 จำนวน 15,000 แห่ง เพิ่มมากกว่าเดิม 3 เท่า เยอะที่สุดเท่าที่มี สมศ.มา เพราะปัจจุบัน สมศ.ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการประเมินสถานศึกษา ดังนั้น การประเมิน 15,000 แห่ง สมศ.น่าจะสามารถทำได้ โดย สมศ.กำหนดไว้ว่า 1 โรงเรียนจะใช้ผู้ประเมินประมาณ 3 คน และผู้ประเมินจะต้องผ่านการฝึกทักษะด้าน Digital literacy โดยไปเรียนครอสออนไลน์กับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ แล้วมาทดสอบกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) จากนั้น สมศ.จึงจะขอผลผู้ที่ผ่านการประเมินจาก 2 หน่วยงานมาเป็นผู้ประเมินสถานศึกษา ซึ่งในปี 2568 มีผู้ที่ผ่านการทดสอบจาก 2 สถาบันและพร้อมที่จะลงพื้นที่ประเมินโรงเรียนแล้วประมาณ 4,000 กว่าคน ซึ่งเพียงพอในการประเมินโรงเรียน 15,139 แห่งแน่นอน และยังได้มีการสำรองผู้ประเมินเผื่อไว้อีก 15% ด้วย ดังนั้น สมศ.จึงมีความพร้อมในการประเมินสถานศึกษาในปี 2568“ ดร.นันทา กล่าว
รักษาการ ผอ.สมศ.กล่าวต่อว่า สำหลักเณฑ์การประเมินสถานศึกษาใหม่นี้ค่อนข้างทันสมัย ทั้งเรื่องการเรียนรู้ของผู้เรียน การนำแนวคิดโรงเรียนในฐานะชุมชนแห่งการเรียนรู้ SLC - School as Learning Community มาใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ห้องเรียนไม่ใช่มีครูเป็นประเอก นางเอก แต่ห้องเรียนของเราถือว่าทุกคนมีส่วนร่วมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน ครูและเด็กต้องเคารพซึ่งกันและกัน มองว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดได้ทั้งเด็กและคุณครู
นอกจากนี้ในการประเมิน สมศ. เน้นเรื่องความเสี่ยงและความปลอดภัยในสถานศึกษา เพราะเราเจอปัญหาเรื่องความปลอดภัยทั้งของเด็กและคุณครู เด็กเสียชีวิตค่อนข้างเยอะในสถานศึกษา และการบุลลี่เด็กในโรงเรียน สมศ.จึงให้โรงเรียนมีมาตราการเกี่ยวกับความเสี่ยง ความปลอดภัย มีการประเมินความเสี่ยง ดูว่าโรงเรียนมีการบริหารจัดการความเสี่ยงตามโปรเจ็คของความเสี่ยง และเน้นว่าคุณครู และผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีความรู้เรื่องความเสี่ยงและความปลอดภัย ดังนั้น การพัฒนาครูรอบนี้เราไม่สนใจว่าครูจะได้รับการพัฒนากี่ชั่วโมง แต่เราสนใจเปอร์เซ็นของคุณครูและผู้บริหารที่จะผ่านครอสในเรื่องของการบริหารจัดการศึกษาเรื่องของความเสี่ยง และความปลอดภัย เราเน้น 3 ครอสนี้มาก
“เช่น หากเกิดเหตุกราดยิงตามห้างสรรพสินค้า หรือในห้องเรียน จะดูว่าโรงเรียนจะมีวิธีการบริหารจัดการอย่างไร หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วเด็กจะต้องทำอย่างไร ครูจะต้องทำยังไง ผู้ปกครองจะทำอย่างไร ซึ่งในเรื่องความปลอดภัย เราก็เปิดโอกาศให้ผู้เกี่ยข้อง ทั้งผู้ปกครอง ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการต่างๆ รวมไปถึงมาตรการในการดูแลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ หรือโรคระบาดต่าง ๆด้วย ว่าโรงเรียนจะมีวิธีการควบคุมดูแลอย่างไร ซึ่ง สมศ.มองว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างคอบคุม ซึ่งสถานศึกษาอาจทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่เข้มข้น ดังนั้น สมศ.จึงเข้าไปดูตรงจุดนี้เพื่อทำให้สถานศึกษาดูแลเข้มข้นขึ้น และดูแลเรื่องความปลอดภัยของอาคารสถานที่สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นของเด็ก ดูว่ามีความปลอดภัยเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงเมนูอาหารกลางวันของเด็ก และคุณภาพของน้ำ มีการตรวจคุณภาพหรือไม่ และดูว่ามีการประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องต่อการบริหารจัดการของสถานศึกษา และความพึ่งพอใจในเรื่องของหลักสูตร จะต้องมีการพัฒนาทุก ๆปี จึงมีการประเมินการใช้หลักสูตรด้วย“
ดร.นันทา กล่าวด้วยว่า สำหรับเกณฑ์การประเมิน จะประเมินเป็นรายตัวชีวัด มีคะแนน 1-5 ถ้าสถานศึกษาผ่านการประเมินได้คะแนน 3-5 ก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งที่ผ่านสถานศึกษาส่วนใหญ่จะได้คะแนน 3 กับ 4 แต่ถ้าได้คะแนน 1-2 ถือว่าอยู่ระหว่างการพัฒนา ก็ฝากถึงโรงเรียนที่จะเข้ารับการประเมิน ซึ่งก่อนการประเมินปี 2567 สมศ.ได้ประกาศนโยบายไปตั้งแต่ปลายปี 2566 แล้วว่า 1.ลดการใช้เอกสาร 2.สมศ.จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการประเมิน 3.ลดภาระของครู และประสานไปทางโรงเรียนว่าไม่ต้องจัดเตรียมอะไร เอกสารจะมีหรือไม่มีก็ได้ อาจจะทำงานเก็บเป็นไฟล์ข้อมูล ก็สามารถส่งให้ผู้ประเมินได้เลย ซึ่งการประเมินสมัยใหม่เราไม่จำเป็นต้องใช้เอกสาร แต่หากดูแล้วมีอะไรที่ต้องประเมินเพิ่มจึงค่อยไปติดตามดูในพื้นที่ได้ ดังนั้น จึงทำให้สมศ.ประเมินสถานศึกษาได้จำนวนมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี