นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เปิดเผยว่า สกร.มีความพร้อมในการดำเนินงานตามนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลในเรื่องการพัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ทั้งในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุน ตอบโจทย์ศักยภาพผู้เรียน ลดภาระความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัย ให้ผู้เรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” พัฒนา ส่งเสริม และสร้างความเสมอภาคเพื่อ “ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพการศึกษา” โดย สกร.ได้ดำเนินการเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเป้าหมายสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเรียนแต่ในห้องเรียนเท่านั้น โดยเชื่อว่า “ทุกคนสามารถมีวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานได้”
ด้าน นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกลุ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กล่าวว่า สกร.ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยอิงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเดียวกันกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 เพื่อให้ได้คุณภาพเช่นเดียวกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นที่ยอมรับและผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรดังกล่าว สามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพ มีศักดิ์และสิทธิ์ในการเรียนต่อ ทุกคนสามารถได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างรวดเร็ว เท่าเทียมกัน
นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล กล่าวเพิ่มเติมถึง แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามระดับ ว่า “การให้โอกาสคนต้องเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และประชาชนกลุ่ม
เป้าหมายพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กยากจน เร่ร่อน กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มทหารเกณฑ์ กลุ่มพระภิกษุสงฆ์ กลุ่มที่อยู่บนพื้นที่สูง ฯลฯ สกร.จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกคน ได้มีคุณวุฒิการศึกษาได้มากขึ้น สามารถจำแนกกลุ่มเป้าหมายที่สามารถเข้าสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานได้ ดังนี้ 1.ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีวุฒิการศึกษา 2.ผู้พ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับที่ต้องการวุฒิการศึกษาต่อ 3.ผู้พ้นวัยที่จะศึกษาในสถานศึกษาที่ต้องการมีวุฒิการศึกษา 4.ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ต้องการมีวุฒิการศึกษา 5.ผู้ที่ไม่มีหน่วยงานอื่นใดเข้าไปดำเนินการพเพื่อให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 6.พนักงานทั่วไปที่ไม่มีวุฒิการศึกษา 7.นักเรียนจากการศึกษาในระบบที่ต้องการอิสรภาพต่อข้อจำกัดในห้องเรียน 8.ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาในระบบ ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย 9.ผู้ที่อยู่ในระบบ Home School ที่ต้องการรับรองวุฒิการศึกษาเทียบเท่าการศึกษาในระบบ และ 10.หรือทุกคนที่ต้องการมีวุฒิการศึกษา
ทั้งนี้ ผู้ขอเข้าสอบเทียบระดับการศึกษา จะต้องมีคุณวุฒิในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าระดับที่ประสงค์จะขอเทียบหนึ่งระดับ ยกเว้นขอสอบเทียบวัดระดับอยู่ในระดับประถมศึกษา
สำหรับการนำร่องการดำเนินงานเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ 3 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา กลุ่มพัฒนาระบบการทดสอบ และกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ โดยแต่ละกลุ่มงาน มีหน้าที่ดำเนินการตามบทบาทภารกิจ ดังนี้ 1.กลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา จัดทำกรอบหลักสูตรการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ได้มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และเนื้อหารายวิชาในแต่ละระดับการศึกษา พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินงาน และวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำประกาศกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง การเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน และประกาศกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง กำหนดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ/เขต ให้ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2.กลุ่มพัฒนาระบบทดสอบร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จัดทำเครื่องมือการเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน และคู่มือการจัดสอบเทียบการเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 3.กลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ จัดทำระบบการจัดสอบเทียบวัดระดับความการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคู่มือการใช้ระบบการจัดสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี