อุตุฯเตือนไทยอากาศแปรปรวน
18 จว.น้ำยังท่วม
หอการค้าชี้เสียหาย 3 หมื่นล้าน
น้ำยังท่วมขัง‘เชียงใหม่’
ชาวลำพูนนอนบนถนน
รบ.ขยายกรอบเยียวยา
กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนอากาศแปรปรวน รับมืออุณหภูมิลด ปภ.ชี้ยังมีน้ำท่วม 18 จังหวัด เร่งระดมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ส่วนหอการค้าฯ ชี้เสียหายแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาทด้าน “ภูมิธรรม” จ่อชง ครม.ขยายกรอบเงินเยียวยาน้ำท่วม ขณะที่เชียงใหม่-ลำพูน น้ำยังท่วมอ่วม ชาวบ้านโอดน้ำเริ่มเน่า-หนีนอนถนน
เมื่อวันที่ 30 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 (มีผลกระทบถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2567) ระบุว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีลักษณะอากาศแปรปรวนเกิดขึ้น โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักบางแห่งใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุตุฯเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่า
ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ปภ.ชี้น้ำท่วมยังกระทบ18จังหวัด
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-30 กันยายน 2567 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 37 จังหวัด รวม 220 อำเภอ 942 ตำบล 5,004 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 181,870 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต รวม 49 ราย และได้รับบาดเจ็บ รวม 28 คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 18 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ มหาสารคาม อุบลราชธานี ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และยะลา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 71 อำเภอ 295 ตำบล 1,496 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 41,136 ครัวเรือน
ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ปภ.ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์ รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิคแขนยาว เร่งขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจร ฟื้นฟูถนนหนทาง อาคารบ้านเรือน ในพื้นที่ซึ่งสถานการณ์คลี่คลายแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
หอการค้าฯชี้เสียหาย3หมื่นล้าน
วันเดียวกัน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นขยายวงกว้างไปยัง 33 จังหวัด รัฐบาลควรเร่งจัดทำแผนเชิงป้องกันไว้ล่วงหน้าให้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายกับประชาชนและเศรษฐกิจได้มาก ทั้งนี้ ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณ 29,845 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 0.17% ของ GDP (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2567) ซึ่งภาพรวมพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 1,166,992 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ 1,826,812 ไร่
พื้นที่การเกษตรกระทบหนักสุด
จากการประเมิน พบว่าภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมถึง 24,553 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 82.3% ของความเสียหายทั้งหมด รองลงมาเป็นภาคบริการ เสียหาย 5,121 ล้านบาท ส่วนภาคอุตสาหกรรมเสียหายราว 171 ล้านบาท สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและมูลค่าความเสียหายมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงราย มีมูลค่าความเสียหายรวม 6,412 ล้านบาท พะเยา 3,292 ล้านบาท และสุโขทัย 3,042 ล้านบาท ตามลำดับ
‘ภูมิธรรม’เร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ว่าขณะนี้หน่วยทหารพัฒนาและหน่วยทหารช่าง รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ได้ระดมกำลัง และประจำการอยู่ในพื้นที่แล้ว ได้เน้นย้ำให้เร่งดำเนินการด้านการคมนาคม เพื่อส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในส่วนพื้นที่ฟื้นฟูภายหลังอุทกภัย สถานการณ์หนักที่สุดในขณะนี้คือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งยังต้องการเครื่องมือขนาดเล็ก เช่น รถแบ็คโฮ และต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยช่วงที่ลงพื้นที่พร้อมคณะของนายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างเต็มที่
ชงครม.ขยายกรอบเงินเยียวยา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวถึงการขยายกรอบวงเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ว่าเรื่องยังไม่ส่งมา แต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะทราบรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกังวลของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว แต่ถูกน้ำท่วมซ้ำ จะมีโอกาสได้รับเงินเยียวยาอีกรอบหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้เงินเยียวยาจากการสำรวจขั้นต้นก็ว่ากันไป และจะมีผลหรือไม่ต้องมาดูว่ามีความต่อเนื่องอย่างไร หรือมีรายละเอียดที่พิเศษอย่างไร ต้องดูกันเป็นส่วนๆ โดยทางพื้นที่ก็จะเสนอเข้ามา ขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลให้แน่นอนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือเงินเยียวยา 5,000 บาท 7,000 บาท และ 9,000 บาท ขั้นต้นเราให้เงินเยียวยาเต็มที่ ส่วนการจะให้เงินเยียวยาเพิ่มเติมก็ขอพิจารณารายละเอียด
ย้ำเป็นเรื่องพิเศษ-ทำให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่ากรอบเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะสามารถเคาะได้วันไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะเคาะให้เร็วที่สุด ต่อข้อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ระบุว่าจะนำกรอบเงินเยียวยา รอบ 2 เข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องพิเศษที่สามารถมีข้อสรุปเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามต้องเป็นไปตามหลักการและรายละเอียดอีกครั้ง
ศปช.ชี้เขื่อนภูมิพลรับน้ำเพียงพอ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกฯ และโฆษก ศปช.เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าน้ำจากตอนบนไหลเข้าเขื่อนภูมิพล จำนวนมาก จนเกรงว่าจะต้องระบายออกนั้น ที่ประชุม ศปช.ได้ติดตามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับการยืนยันว่าปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก มีศักยภาพเพียงพอในการรับน้ำได้อีกมาก และการปล่อยน้ำของเขื่อนฯ จะไม่กระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนแต่อย่างใด
“เขื่อนภูมิพล รับน้ำจากแม่น้ำปิง รองรับได้น้ำสูงถึง 13,462 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 8,247 ล้าน ลบ.ม.หรือ 61% ของความจุ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 5,215 ล้าน ลบ.ม.จากการสรุปผลประชุมมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนวันละ 134 ล้าน ลบ.ม.ขณะที่การระบายน้ำอยู่ที่ 1 ล้าน ลบ.ม.ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ ยืนยันว่าการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพล ไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างแน่นอน” นายจิรายุ กล่าว
แม่น้ำน้อยเอ่อล้นท่วมที่อ่างทอง
ที่ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์แม่น้ำน้อย ที่เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมตลิ่งในพื้นที่ลุ่ม หมู่ 9 ต.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ว่าน้ำได้ท่วมเป็นระลอกที่ 2 แล้ว โดยระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร โดยบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำน้อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง ชาวบ้านได้เร่งเก็บข้าวของขึ้นที่สูง รวมทั้งได้สร้างสะพานไว้เดินเข้าออกบ้านไปยังถนน ส่วนบ้านประชาชนที่อยู่ไกลออกไปจะใช้เรือพาย เพื่อเดินทาง นอกจากนี้ชาวบ้านได้นำสัตว์เลี้ยงออกมา เพื่อป้องกันอันอันตราย หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มการระบายสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน อยู่ที่ 1,899 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที
บ้านนอกคั้นกั้นยังลุ้นระดับน้ำ
ขณะที่บริเวณคลองโผงเผง สาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำแล้วกว่า 20 หลังคาเรือน ชาวบ้านต่างลุ้นว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นแค่ไหน ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ตรวจวัดที่สถานีวัดน้ำหน้าศาลากลางจังหวัด ระดับน้ำสูง 7.39 เมตร จากระดับตลิ่ง 10.00 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,745 ลบ.ม./วินาที
เชียงใหม่บางพื้นที่น้ำเริ่มเน่า
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ แม้ว่าน้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่พื้นที่ท้ายน้ำบริเวณ อ.สารภี หลายหมู่บ้าน ยังถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้น้ำเริ่มเน่า ส่งกลิ่นเหม็น โดยชาวบ้านอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว นอกจากนี้ยังหวั่นเกรงว่าหากมีฝนตกมาเพิ่ม จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม ทางชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาให้กับชาวบ้านแล้ว
เขื่อนแม่งัดฯลดการระบายน้ำ
ขณะที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ลดการระบายน้ำลงแบบขั้นบันได เหลือ 78 ลบ.ม./วินาที สำหรับจุด P1 สะพานนวรัฐ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ระดับน้ำในแม่น้ำปิง เพิ่มสูงอีกระลอก อยู่ที่ 3.45 เมตร แต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำ ส่วนบ้านแม่กำปอง ที่เกิดดินสไลด์ปิดทับเส้นทาง ขณะนี้สามารถเคลียร์พื้นที่ได้แล้ว ทำให้รถสัญจรผ่านไปได้ รวมทั้งการไฟฟ้าฯ ได้มีการเปลี่ยนเสาไฟที่โค่นล้มหลายต้น บริเวณช่วงก่อนถึงบ้านแม่กำปอง และจะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันเดียวกันนี้
ชาวลำพูนหนีน้ำไปนอนบนถนน
ที่ จ.ลำพูน สถานการณ์แม่น้ำกวง ที่ท่วมตัวเมืองลำพูน ได้เข้าสู่วันที่ 7 แล้ว จนน้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ ต.เวียงยอง ต้องนำเต็นท์มากางเพื่ออาศัยหลับนอนบนถนน ด้านหน้า อ.เมือง จ.ลำพูน โดยหน่วยงานราชการได้ขึ้นป้ายเขตน้ำท่วม ขับช้าๆ แจ้งเตือนยานพาหนะที่สัญจรผ่านไปมา เพื่อความปลอดภัยและผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
สำหรับระดับน้ำตรวจวัดที่สถานีตรวจวัดน้ำแม่กวง P.5 สะพานท่านาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน อยู่ที่ 5.72 เมตร สูงกว่าระดับวิกฤติ 72 เซนติเมตร จากจุดวิกฤติที่ระดับ 5 เมตร ประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอ ยังได้รับความเดือดร้อน รวมแล้วกว่า 2,000 ครัวเรือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี