กฟภ.นครพนมยอมรับแล้วตัดไฟบ้านยายป่วยติดเตียงจริง อ้างไม่มีข้อมูลในระบบ แต่ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ พร้อมดูแลเยียวยาตามความเหมาะสม พร้อมให้บริษัทเอกชนรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง ญาติบอกขอให้เป็นรายแรกและรายสุดท้าย
วันที่ 3 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนมรายงานว่า นายทวี สราญรมย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครพนม (ผจก.กฟภ.นครพนม) พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องนำพวงหรีดร่วมไว้อาลัยนางเกียน ลี้พล อายุ 68 ปี กลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง ชาวบ้านนาขาม ต.วังยาง อ.วังยาง จ.นครพนม หลังเสียชีวิตจากเหตุการณ์กรณีมีเจ้าหน้าที่มายกหม้อมิเตอร์ไฟฟ้าเนื่องจากไม่ได้ชำระค่าใช้ไฟรวม 2 บิลทำให้บ้านของยายเกียนไม่มีไฟใช้ทั้งที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจน รวมถึงเครื่องดูดเสมหะ และเตียงลม
โดยนายทวี สราญรมย์ ผจก.กฟภ.นครพนม ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับทางญาติเพื่อสรุปสาเหตุว่าเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตหรือไม่ โดยทราบความจริงจากปากญาติยายเกียนว่า มีพนักงานบริษัทเอกชนมาตัดกระแสไฟฟ้าจริงในช่วงเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทำให้ไฟดับไปประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ
ก่อนถูกตัดไฟหลานสาวผู้ตาย ได้มีการให้เหตุผลกับพนักงานพร้อมอ้อนวอนขอเวลาเดินทางไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้า สาขา อ.วังยาง ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 10 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่คนเดียวเพียงลำพัง แต่ถูกพนักงานอ้างว่าต้องทำตามหน้าที่จึงถูกตัดกระแสไฟดับทั้งบ้านและเจ้าหน้าที่ได้มาติดตั้งให้ภายหลังจากไปชำระค่าไฟแล้ว รวมค้างชำระ 2 บิลเป็นเงิน 1,155 บาท โดยหลังถูกตัดไฟทำให้ยายเกียน หายใจด้วยตนเองไม่ได้ มีอาการอาการทรุดลงและเสียชีวิตในกลางดึกของวันเดียวกัน ทำให้ญาติคาใจและไม่พอใจกับการบริการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โดยวันนี้นายทวี สราญรมย์ ผจก.กฟภ.นครพนม ในฐานะตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ยืนยันไม่ได้ปัดความรับผิดชอบและจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จริง หาทางเยียวยาตามระเบียบ แต่จะไม่เข้าข่ายระเบียบหลักเกณฑ์ ที่ต้องชดเชยเยียวยา เนื่องจากนางเกียน ไม่ได้เสียชีวิตทันที ส่วนบริษัทเอกชนก็ให้รายงานข้อเท็จจริงโดยด่วน โดยในครั้งนี้นายทวี ได้มอบเงินส่วนตัวรวมถึงพนักงานไฟฟ้ามีศรัทธาร่วมทำบุญให้กำลังใจครอบครัว เบื้องต้น 10,000 บาท และสนับสนุนน้ำดื่มจัดงานศพและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสวดอภิธรรมศพตามประเพณี
สำหรับไทม์ไลน์ (TimeLine) การยกมิเตอร์หม้อไฟบ้านยายเกียนผู้เสียชีวิต จากข้อมูลการไฟฟ้าพบว่ามีการตัดไฟยกหม้อมิเตอร์ไฟฟ้า ไปจากเสาหน้าบ้าน วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 09.20 น.และมีการชำระเงินในระบบเวลา 10.49 น. โดยมีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งคืนเวลา 11.49 น.รวมไฟฟ้าดับ 2 ชั่วโมง 29 นาที และมีการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการแจ้งในระบบว่าเป็นบ้านผู้ป่วยติดเตียง แต่ญาติยืนยันช่วงจะมีการตัดไฟฟ้ากับพนักงานตัดไฟเพื่อขอเวลาไปจ่ายยอดค้างชำระ พร้อมให้ข้อมูลว่ามีผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธการผ่อนผัน อ้างทำตามหน้าที่
นอกจากนี้สาเหตุการค้างชำระค่าไฟตรวจสอบแล้วพบว่า มีข้อมูลย้อนหลังบ้านพักยายที่เสียชีวิต ได้รับการยกเว้นมานานกว่า 7 เดือนเนื่องจากอยู่ในเกณฑ์ใช้ไฟรัฐบาลช่วยเหลือ คือไม่เกิน 315 บาท แต่เริ่มมียอดต้องชำระ ในช่วงที่ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ ทำให้หน่วยค่าไฟเกินรัฐบาลกำหนด คือ ได้แก่เดือนเมษายน 2567 เป็นเงิน 348 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นเงิน 350 บาท หนักสุดคือ 2 เดือนล่าสุดสิงหาคม 2567 เป็นเงิน 620 บาท และเดือนกันยายน 2567 เป็นเงิน 534 บาท สาเหตุหลักที่ค้างชำระเนื่องจากยายเกียน มีพี่สาวอายุ 78 ปี และหลานสาวมาดูแลจัดหาอาหาร แค่บางเวลา เพราะสามีเสียชีวิต เมื่อ 10 ปีที่แล้วและไม่มีลูกด้วยกัน ปกตินางเกียน อยู่บ้านคนเดียวลำพัง ส่วนด้านสาธารณสุข มีทีมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และ อสม.คอยมาดูแลทุกวัน
นายทวี สราญรมย์ ผจก.กฟภ.นครพนม ในฐานะตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ และยอมรับว่า ก่อนคุณยายเสียชีวิต มีพนักงานเอกชนรับจ้างจาก กฟภ.มาตัดไฟบ้านผู้ป่วยติดเตียงจริง แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตทันที โดยไม่สามารถระบุชัดเจนว่าเกิดจากการตัดกระแสไฟฟ้าหรือไม่ โดยคุณยายได้เสียชีวิตในคืนวันเดียวกัน ต่อจากนี้ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้บริษัทเอกชนรายดังกล่าวรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ พร้อมดูแลเยียวยามตามความเหมาะสม และช่วยเหลืองานศพตามกำลังศรัทธา พร้อมดูแลสภาพจิตใจครอบครัวที่สูญเสีย ยอมรับไม่อยากให้เกิดขึ้น ส่วนการจะชดเชยเยียวยาตามระเบียบการไฟฟ้า ตรวจสอบแล้วยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ แต่จะหาทางช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ เพราะคุณยายไม่ได้เสียชีวิตทันที
สำหรับการทำหน้าที่ตัดกระแสไฟ ยืนยันไม่ได้ถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย สามารถผ่อนผันได้ตามความเหมาะสม ยิ่งเป็นบ้านผู้ป่วย ผู้พิการเรามีการผ่อนผัน หากมีผู้นำท้องถิ่นแจ้งข้อมูลลงในระบบ จะไม่มีการตัดไฟฟ้าเลย แต่อาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน ระหว่างพนักงานเอกชน อย่างไรก็ตาม น้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และวางแนวทางป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ขอให้มั่นใจการไฟฟ้า พร้อมดูแลบริการประชาชน
ส่วนนางสาวสุธารินี อายุ 42 ปี หลานสาวผู้ตายเปิดเผยว่าพอใจระดับหนึ่งที่การไฟฟ้าออกมาให้ความชัดเจน แต่ยังคาใจเชื่อว่าเป็นสาเหตุ ทำให้ยายอาการทรุดก่อนเสียชีวิต ถึงแม้ไม่ได้เสียชีวิตทันที ยอมรับว่าไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะตนได้พูดคุยขอร้องกับพนักงานที่มาตัดไฟฟ้า แต่ไม่ได้รับการอะลุ่มอล่วยยกหม้อมิเตอร์ไปหน้าตาเฉย สาเหตุที่ตนไม่อยากให้ตัดไฟ และขอผันผันไม่กี่ชั่วโมง เพื่อรอไปชำระค่าไฟแต่ถูกปฏิเสธ มาถึงวันนี้เสียใจ ไม่อยากเรียกร้องอะไร เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายจะไปสู้คดี เรียกร้องการชดเชยเยียวยา สรุปคืออยู่ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะเมตตาเห็นใจช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสียตามความเหมาะสม สำคัญอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง ที่ต้องมีการปรับปรุง ไม่อยากให้เกิดกับใครซ้ำอีก ขอให้เป็นรายแรกและรายสุดท้าย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี