หมายจับ‘พล.อ.พิศาล’
ไม่มาศาลคดีสลายม็อบตากใบ
สภาอ้างลาป่วยไปรักษาตปท.
ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ“พล.อ.พิศาล” สส.เพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 คดีสลายชุมนุมตากใบ เหตุหลบหนี ไม่มาตามศาลตามกำหนด ด้าน“โรม” ขยี้รัฐบาล-ตร.ช่วยเป่า“คดีตากใบ” หวังให้จบอายุความ ข้องใจ“ภูมิธรรม”ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่ “บิ๊กอ้วน”โต้ลั่นรัฐบาลไม่เป่า-ไม่มีการดึงคดี เรื่องนี้ไม่ได้เจตนาฆ่ากันแต่เกิดจากความอลหม่าน ยันรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทีมทนายความของญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ คดีสลายการชุมนุมที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 1 ในคดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ ด้วยเหตุมีพฤติการณ์หลบหนี เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้ออกหมายเรียก พล.อ.พิศาล จำเลยที่ 1 ซึ่งมีเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมูญ แต่ไม่มาศาลตามนัด ทนายความโจทก์ผู้เสียชีวิต จึงยื่นคำร้อง ขอให้ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุมัติออกหมายจับ กระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาส จึงอนุมัติหมายจับดังกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 3-6 และ จำเลยที่ 8-9 ประกอบด้วย จำเลยที่ 3 พล.ต.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผอ.ศปก.สน. ตร. จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผบช.ภาค 9 จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผกก.สภ.อ.ตากใบ จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาค 4 จำเลยในคดีสลายการชุมนุม ที่อ.ตากใบ ถูกศาลจังหวัดนราธิวาส มีหนังสือด่วนที่สุดเพื่อขอตัวไปดำเนินคดีว่า ตนได้สอบถามจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และได้รับรายงานว่าพล.อ.พิศาล มีใบลาการประชุม โดยให้เหตุผลว่าป่วย ซึ่งคงจะมีใบรับรองแพทย์มาด้วย แต่ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรม ส่งหนังสือ ขออนุญาตจับกุมพล.อ.พิศาล ในระหว่างสมัยประชุม เพื่อขอตัวไปดำเนินคดีได้ แต่เรากำลังพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่มี 4 วรรค ซึ่งเพิ่มเติมวรรคที่ 4 ว่า ในสมัยประชุม หรือนอกสมัยประชุม ถ้าศาลจะดำเนินคดี ต่อสมาชิกรัฐสภา สามารถจะดำเนินคดีได้ ซึ่งหมายความว่า ไม่ขออนุญาต ก็สามารถดำเนินคดีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาส นัดสอบคำให้การจำเลย นำโดยพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 7 คน ข้อหาฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 48 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ปรากฏว่า วันดังกล่าวไม่มีจำเลยคนใดเดินทางมาศาลตามนัด ศาลเห็นว่าจำเลย 6 คน มีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับ ยกเว้นพล.อ.พิศาล จำเลยที่ 1 ที่สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา มีเอกสิทธิคุ้มครอง ศาลให้ออกหมายเรียกแทน และศาลนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดอีกครั้งวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 09.00 น. โดยคดีนี้จะหมดอายุความ 20 ปี วันที่ 25 ตุลาคมนี้
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการตั้งกระทู้ถามสด โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องการดำเนินคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความวันที่ 25 ตุลาคม ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า คดีตากใบใกล้จะหมดอายุความในอีก 22 วัน จะส่งผลต่อการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป ตราบใดที่คดีนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ทุกรัฐบาลล้วนต้องรับผิดชอบในการสะสางจนกว่าสันติภาพชายแดนใต้จะเกิดขึ้น เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ในเวลานั้นผู้นำรัฐบาลคือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของคนในพื้นที่ที่อยู่คู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯมาตลอด
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลขณะนั้นตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น 1 ชุด ผลสอบสวนชี้ชัดว่าเกิดจากความบกร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควบคุมเหตุการณ์ อันนำมาสู่โศกนาฏกรรม สุดท้ายผู้มีอำนาจทางการเมืองลืมเลือนเหตุการณ์ตากใบจนเกือบหมดอายุความ แต่ผู้เสียหายในคดีนี้ลุกขึ้นมาฟ้องเอาผิดเพื่อทำความจริงให้ปรากฏด้วยตนเอง ย้ำว่าคดีนี้ประชาชนร้องเอง ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลเหมือนที่รัฐมนตรีบางคนพูดไว้ว่าคืบหน้ามากที่สุดในรัฐบาลนี้
“เหลือเวลาอีก 22 วัน กระบวนการที่ตำรวจต้องไปแจ้งข้อกล่าวหาใหม่กับเวลาแค่นี้ แล้วตำรวจอยู่กับใคร นายภูมิธรรมเป็นคนดู แล้วจะบอกให้มองอย่างสร้างสรรค์ แบบไม่รู้สึกอะไรหรือ ประทานโทษท่านยังมีหัวใจหรือเปล่า นึกไม่ออกว่าสหายใหญ่ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ถามว่าจะทำให้เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นแบบ 6 ตุลาหรือ ท่านส่องกระจกแล้วยังจำตัวเองได้หรือเปล่า สั้นๆง่ายๆนิดเดียว ว่าวันนี้มีการเป่าคดี มีความพยายามช่วยกัน หนึ่งในการช่วยกันคือ ตำรวจ ถามท่านในฐานะที่ดูแลตำรวจจะทำอย่างไร” นายรังสิมันต์ กล่าว และย้ำว่า มีสส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยถูกดำเนินคดีด้วย ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อตามตัวใครก็ตามมาดำเนินการทางกฎหมาย วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่านายภูมิธรรมและรัฐบาลต้องการให้เรื่องจบแบบขาดอายุความ ทำให้ไม่มีการสืบพยาน ไม่มีคำให้การ ตนสนใจว่าถ้ามีการให้การหรือสืบพยานสุดท้ายจะชี้ไปที่บุคคลที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เรื่องตากใบเกิดเมื่อปี 2547 มีความจริงหลายมิติ รายงานสรุปว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเป็นหลัก เป็นเรื่องกระบวนการลำเลียงคน ดังนั้น การสรุปว่ามีเจตนาหวังจะเอาคนไปทับให้ตายถือว่าไม่ใช่ ขณะนั้นมีการสับสนอลวน เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เหตุการณ์นี้ควรให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ตั้งใจจะฆ่ากัน แต่เป็นเรื่องความสับสนอลหม่าน ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เยียวยาแล้ว ถึงรายละ7ล้านบาท ขึ้น ทั้งหมดพยายามให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น และใช้เป็นอุทธาหรณ์มากกว่าทำให้เป็นเครื่องมืออธิบายว่ารัฐบาลตั้งใจจะฆ่าเขาหรือรัฐบาลไม่ใส่ใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสียใจ และไม่อยากให้เกิดขึ้น” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุ
และว่า ขณะนี้ยังหาตัวผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องดำเนินการไป ถ้ารู้ก็ต้องจับอยู่แล้ว พูดชัดเจนตลอดว่าอยากให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์คดีไปถึงจุดของมันเกือบ 20 ปีแล้ว เพิ่งมารื้อฟื้นและเพิ่มคดีในตอนนี้ ตอนนั้นเคยมีการถามในการตัดสินว่าไม่ฟ้องคดีต่อ มีเวลา 15 วันที่ให้ฟ้อง ตอนนั้นก็ไม่มีใครฟ้อง เราก็นึกว่าเรื่องนี้ยุติไปแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เป็นประเด็นแตกแยกเพียงแต่อยากใช้เป็นประสบการณ์และหาทางออก ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่แล้ว ขอให้ใจเย็น อย่าด่วนเอาตัวเองเป็นคนตัดสิน ทั้งนี้ หากมีหลักฐานว่าตำรวจดึงคดีก็ว่ามา จะตรวจสอบให้ แต่อย่าคิดเองว่าศาล ตำรวจ อัยการ ตน และพรรคการเมืองเป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ควรพูด แต่ควรนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน ตนไม่อยากคุยเรื่องอารมณ์และการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี