อึ้ง!เผ่นหมดแล้ว
ตร.ค้นบ้านจำเลยตากใบ
‘สมชัย’จี้พท.ขับ‘พิศาล’
อดีตกกต. “สมชัย” เขย่าสปิริตเพื่อไทย จี้ขับ“พล.อ.พิศาล” อดีตแม่ทัพภาค 4 พ้นสมาชิกพรรคหลังหนีหมายจับคดีสลายม็อบตากใบ ด้านเลขาเพื่อไทย ไม่รู้ลูกพรรคไปอยู่ไหน ขณะที่ตำรวจบุกค้นบ้านจำเลยคดีตากใบพบล่องหนไปหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการและอดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงคดีตากใบที่จะหมดอายุความ 20 ปี ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567ว่าในลักษณ์นี้ว่าน่าประหลาด เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า เหตุไฉนย่อท้อรอรา ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที* คดีตากใบจะหมดอายุความ 20 ปีในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้ต้องหาคนหนึ่งที่ยังไม่มาศาล ไม่คิดมอบตัว มีท่าทีหนีหมายจับของศาลเพื่อให้หมดอายุความ เป็นอดีตแม่ทัพภาค 4 เป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
“ทางสภาก็บอกว่า ตามไม่ได้ เพราะลาป่วยไปรักษาตัวต่างประเทศ ตั้งแต่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯเป็นผู้อนุมัติโดยไม่ต้องมีหนังสือรับรองจากแพทย์ ทางเพื่อไทยบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนนั้น และไม่สามารถติดต่อให้มามอบตัวได้ เหมือนกับทุกฝ่ายรู้ดีว่ารอให้พ้นวันที่ 25 ก็จบ กลับมานั่งในสภาต่อแบบทองไม่รู้ร้อนได้”นายสมชัย ระบุ
นายสมชัย กล่าวว่า คำถาม คือ พฤติกรรมเยี่ยงนี้ เหมาะสมหรือไม่ 1 เป็นชายชาติทหาร แต่ไม่กล้าขึ้นศาล หลบหลีกหมายจับ ไม่ติดต่อกลับเพื่อมอบตัวต่อศาล 2. เป็น สส. ผู้ทรงเกียรติ ที่ต้องมีหน้าที่ออกกฎหมายแต่หลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมาย 3. เป็นรองนายกที่ดูแลด้านความมั่นคง แต่เอาแต่พูดซ้ำ ๆ ก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่รู้จะทำอย่างไร 4. เป็นพรรคการเมืองที่บอกว่า เคารพกติกาบ้านเมือง แต่เมื่อ สส.ในพรรคทำผิด ก็ไม่ดำเนินการใด ๆ
นายสมชัย ยังเห็นว่า สิ่งที่รองนายก และ พรรคเพื่อไทย ควรแสดงออก เพื่อให้เห็นว่าพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ให้คนไทยรู้สึกว่า ท่านพยายามเต็มที่ 1.ตรวจสอบกับตม.ว่ามีการออกนอกประเทศจริงหรือไม่ ประทับตราออกนอกประเทศวันใดเวลาใด 2.ตรวจสอบสายการบิน ว่าเดินทางไปประเทศปลายทางที่ประเทศไหน 3.สั่งการให้สถานทูตไทย ตรวจสอบข้อมูลว่ามีการไปรักษาตัวในประเทศนั้นจริงหรือไม่
“หากทุกอย่างไม่เป็นจริง แสดงถึงความพยายามหลบหลีกหมายจับของผู้เป็นสมาชิกพรรค ถือเป็นการทำผิดกฎหมายของผู้ดำรงตำแหน่ง สส.พรรคเพื่อไทย ควรลงมติขับออกจากพรรค เพื่อให้สิ้นสภาพ สส.”นายสมชัยน้ำทิ้งท้าย
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้รับการประสานติดต่อจาก พล.อ.พิศาล เลย ซึ่งทางผู้ใหญ่ภายในพรรคหลายท่านก็พยายามประสานอยู่ แต่ไม่มีใครติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.พิศาล เป็น สส. ของพรรคเพื่อไทย และเราพยายามอย่างยิ่งที่จะติดต่อท่านให้ได้ ให้ท่านกลับมาสู้คดีก่อนหมดอายุความ
เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรต่อไปในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้สังคมเหมือนกำลังกดดันอยู่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หาก พล.อ.พิศาล ใช้วิธีแบบนี้ เราก็ต้องมีมาตรการ ทั้งนี้ หากติดต่อได้ก่อนหมดอายุความ ต้องมีการพูดคุยกันและพยายามให้ท่านกลับมาสู้คดี และตนไม่ทราบว่าท่านป่วยขนาดไหน และไปรักษาตัวที่ไหน ถ้าชัดเจนว่ามีประเด็นนี้ และใช้โอกาสให้หมดอายุความ เราคงมีมาตรการต่อไป
ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเซ็นอนุมัติให้ พล.อ.พิศาล ลาประชุมสภา โดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม – 30 ตุลาคมนี้ว่า ทุกคนสามารถลาประชุมได้ บางคนลา 80 ครั้ง ซึ่งถ้าเขาลา ก็ต้องให้เขาลา ไม่ได้เจาะจงว่าใคร เรื่องนี้เป็นคนละเรื่อง ซึ่งเรื่องอื่นตนไม่เกี่ยว แต่เรื่องของสภา ย้ำว่าใครจะลา ก็ลาได้ ไม่ว่าจะลาป่วย ลากิจ ลาธุระก็ว่ากันไปเพราะเขามีสิทธิ ถือเป็นเรื่องปกติของการลา ไม่ว่าใครก็สามารถลาได้ หากลาก็คือลา
เมื่อถามว่าแต่เขาจะต้องแจ้งชื่อมาว่า ใครลาประชุมใช่หรือไม่ นายพิเชษฐ์กล่าวว่า ลาทุกคนแหละครับ อาทิตย์หนึ่ง 20-30 คน”เมื่อถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าพล.อ.พิศาล ในหนังสือระบุว่าขอลาประชุมตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม-30 ตุลาคมซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่ศาลนราธิวาสรับฟ้องคดีตากใบนั้นนายพิเชษฐ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นสิทธิส่วนบุคคล
วันเดียวกัน พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 นำกำลังชุดสืบสวนพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่919/2567 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2567เข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่ง ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.พิศาล แต่ไม่พบตัวทราบข้อมูลคนคนดูแลบ้านว่า ได้เดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ทราบว่าไปประเทศใดและกลับเมื่อใด
ด้าน พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นำหมายนจับและหมายค้น ไปค้นบบ้าน นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในซอยปิยะชาติ กลางเมืองนครศรีธรรมราชพบว่ามีแม่บ้านคอยทำความสะอาด และต่อมาได้โทรศัพท์แจ้งลูกสาวของ นายวิชม ให้เข้ามารับหมายและตรวจสอบหมายจากเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเข้าค้นตัวบ้าน
การตรวจค้นนั้นไม่พบตัวนายวิชม ทองสงค์ โดยลูกระบุว่า ได้เดินทางไปพร้อมกับคุณแม่ไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครมากว่า 1 เดือนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง และข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมทำบันทึกการตรวจค้นเพื่อรายงานการตรวจค้นตามขั้นตอน ขณะเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวนอีกชุดได้เข้าตรวจค้นบ้านอีกหลังของนายวิชม ที่ย่านตลาดท่าแพ เขตเทศบาลท่าแพ ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ไม่พบตัวนายวิชม เช่นเดียวกัน
มีรายงานว่าตำรวจได้ไปค้นบ้านจำเลยคดีตากใบเกือบทุกคนแต่เผ่นไปหมดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี