รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น... เรื่องของไฟใต้ ที่ล่าสุดคือการวางระเบิดคาร์บอมบ์ ที่ หน้าบ้านพักนายอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส แม้ว่านายอำเภอจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ประชาชน ได้รับความสูญเสีย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะอยู่ใกล้กับคาร์บอมบ์ และ บ้านเรือนหลายหลัง ที่เป็นเหยื่อพระเพลิง ที่เกิดจากคาร์บอมบ์ ลูกดังกล่าว... ซึ่งมือก่อวินาศกรรม ใช้วิธี การ มาเร็ว เคลมเร็ว ด้วยการปล้นรถเก๋ง จากชาวบ้าน ในพื้นที่ โดยมีการประกอบระเบิด เอาไว้ก่อน เมื่อ ปล้นรถ มาได้ ก็นำระเบิดแสวงเครื่อง ที่ประกอบไว้แล้ว ใส่ในรถที่ต้องการทำคาร์บอมบ์ ขับมาจอดในพื้นที่เป้าหมาย ก่อนที่จะจุดระเบิด ส่วนพลขับคาร์บอมบ์ ก็ใช้วิธีการเดิมๆ นั้นคือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ที่มารอรับ และข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย ผ่านทางแม่น้ำสุไหงโก-ลกกลับไปนอนแบบสบายบรื่อสะดือบุ๋มเพราะ มาเลเซีย ให้ที่พักพิง... จากการตรวจสอบวัตถุพยาน พบว่าถังแก๊ส น้ำหนัก 14 กิโลกรัม เป็นของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งวงจร ที่ใช้ในการจุดระเบิด ก็มาจากประเทศมาเลเซีย และ กองกำลัง ที่ทำหน้าที่ก่อวินาศกรรม ก็พบว่าข้ามมาจากเปิงกาลันกูโบร์ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และที่ปฏิเสธไม่ได้คือฐานที่มั่นของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น กระจายกันอยู่โดยฐานใหญ่ อยู่ที่กลันตัน ส่วนหมู่บ้าน ที่เป็นที่หลบซ่อน และเป็นที่ฝึกการก่อวินาศกรรม ฝึกอาวุธ ก็อยู่ตรงกันข้าม กับพื้นที่ของสุไหงโก-ลก และ ฐานที่มั่น ที่ รองลงมา และเป็นสำนักตักศิลา ในการ บ่มเพาะ ทางจิตวิญณาณ อยู่ที่รัฐตรังตานู และ ยังมีฐานที่มั่น ด้านชายแดนจังหวัดสงขลา ในรัฐเคดาห์ ซึ่งเป็นรัฐที่ติดกับ พื้นที่ อ.สะเดา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ดังนั้นถ้ารัฐบาลไทย ต้องการที่ดับไฟใต้ ให้สิ้นซาก หนทางที่ดีที่สุด คือการเจรจา กับนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย เพราะจากหลักฐาน ต่างๆ ที่ประจักษ์ ก็ตอบสังคมได้ชัดว่ามาจาก ประเทศมาเลเซีย และหลังก่อเหตุ ก็หลบหนี กลับไปกลบดาน ในที่มั่น ที่ประเทศมาเลเซีย.....พูดถึงบริบทของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นเพื่อนบ้าน ของประเทศไทยที่เห็นได้ชัดว่ามีการกระทำที่ย้อนแย้ง และไม่ได้ให้ความร่วมมือ กับประเทศไทย ในการแก้ปัญหาที่เรียกว่าอาชญากรรมข้ามชาติยกตัวอย่าง 2 เรื่องให้เห็นกันจะจะ 1.เรื่องของแรงงานเถื่อน จากประเทศเมียนมา และอื่นๆ ที่หลบหนีเข้าเมือง และมาหลบซ่อน ในพื้นที่ จังหวัดชายแดน อย่างนราธิวาส และสงขลา เพื่อข้ามไปยังมาเลเซีย ด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา และด้าน อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อข้ามไปขายแรงงาน ที่ประเทศมาเลเซีย ปีละหลายหมื่นคน ถ้าเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย จับกุมแรงงานเถื่อน หรือผู้หลบหนีเข้าเมือง เหล่านี้ ในข้อหาลักลอบเข้าเมือง ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เชื่อเถอะ คนเถื่อน เหล่านี้ก็จะไม่กล้าที่จะหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียเพราะกลัวถูกจับกุม และปัญหาคนเถื่อน ที่เดินทางมายังจังหวัดสงขลา และนราธิวาส ก็จะยุติ ด้วยการร่วมมือจากมาเลเซีย แต่เพราะ มาเลเซีย ต้องการใช้ แรงงานเถื่อน ในภาคการเกษตร ประมง จึงเปิดไฟเขียว ให้ แรงงานเถื่อน ลักลอบเข้าไปได้ 2.เรื่องของยาเสพติด ที่ทะลักทลาย จาก ประเทศเมียนมา และมีปลายทาง ใน จ.สงขลา, นราธิวาส และสตูล เพื่อใช้เป็นพื้นที่พักยา ก่อนที่จะลำเลียงไปยังประเทศมาเลเซีย ถ้ามาเลเซีย ทำการจับกุม แบบที่ป.ป.ส.ของไทย จับกุม ก็จะทำให้ขบวนการค้ายาเสพติด เลิกที่จะลำเลียงยาเสพติด ข้ามไปยังมาเลเซีย เพื่อส่งไปยังประเทศยุโรป,สหรัฐอเมริกา และ ประเทศอื่นๆ แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย ไม่เคยมีการจับกุมยาเสพติด ในพื้นที่ของมาเลเซีย แม้แต่ครั้งเดียว เป็นเหตุให้ขบวนการค้ายานรก ใช้เส้นทางของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งออกยาเสพติด ไปยังต่างประเทศ ด้วยการผ่านมาเลเซีย เพราะปลอดภัยที่สุด ด้วยไม่มีการจับกุม แต่กลายเป็นว่า พื้นที่ของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นที่พักยา และเป็นแหล่งในการค้ายา เป็นเหตุให้มีคนติดยาเสพติด เป็น จำนวนมาก ที่คือความไม่จริงใจ ของเพื่อนบ้าน อย่างประเทศมาเลเซีย... และในขณะที่สามจังหวัด และสี่อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ต่างจมปลัก อยู่กับสถานการณ์ ของความไม่สงบ มาเลเซียก็เดินหน้า ในการพัฒนารัฐตอนเหนือ ที่อยู่ติดกับประเทศไทย ให้มีความรุดหน้า เช่นการสร้างคลังสินค้า หรือแวร์เฮ้าส์ ในพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการส่งออก ด้วยระบบราง และมีท่าเรือ ไว้รองรับ เพื่อเดินทางไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และมีการสร้างโรงงานผลิตปีกเครื่องบินโบอิ้ง ส่งให้กับบริษัทโบอิ้ง ของสหรัฐอเมริกา และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ที่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ทั้งหมด ตั้งอยู่ประชิดติดชายแดนไทย ที่รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ทำสัญญาว่าเป็นเมืองคู่แฝด ของ จังหวัดสงขลา ซึ่งไม่มีอุตสาหกรรม ใหม่ๆ และ ใหญ่ๆ เกิดขึ้น อย่างที่เกิดขึ้นในรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด และแม้แต่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งผ่านมาแล้ว กว่า 15 ปี ยังมีโรงงานอุตสาหกรรม ที่สนใจจะไปลงทุน เพียงรายเดียว อนาถ นะ......
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี