นายกฯ“อิ๊งค์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.ครั้งแรก เสนอชื่อ“บิ๊กต่าย” นั่งผบ.ตร.คนที่ 15ที่ประชุมก.ตร.ขานรับด้วยมติเอกฉันท์ นายกฯเผยภูมิใจเป็นลูกหลานตำรวจขอทุกคนสานต่อปราบยา-แก๊ง Call Center
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่บริเวณ หน้าตึก 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เต็มไปด้วยสื่อมวลชนจำนวนหลายสำนักที่เฝ้าจับตาการมาของ น.ส. เเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ครั้งที่ 8/2567 โดยมีวาระหลักที่น่าจับตาคือการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ซึ่งคาดว่า จะมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
ต่อมาในเวลา14.27น.น.ส. เเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. พร้อมคณะ รองผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกฯได้ร่วมตรวจแถวกองเกียรติยศ พร้อมทั้ง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ สตช. ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ต้องขอขอบพระคุณสำหรับการต้อนรับ นี่ถือเป็นครั้งแรกของชีวิต ปกติก็เคยเห็นมาก่อน แต่มาจริงๆก็รู้สึกดีใจมากๆ ต้องขอบคุณทุกท่านด้วย
“ท่านก็ทราบกันดีแล้ว ดิฉันเองก็เป็นลูกหลานตำรวจ คุณหญิง คุณแม่เอง ก็ภูมิใจเสมอที่ได้เป็นลูกตำรวจ วันนี้มาก็รู้สึกดีใจไม่เคยได้มาทางนี้เลย โรงเรียนมหาลัยอยู่แถวนี้ ก็ได้แต่ผ่าน ได้มาวันนี้ อยากให้ตำรวจทุกท่านสานต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แก๊งCall Center หลายๆอย่างที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และตำรวจเอง ก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ แล้ววันนี้ก็อยากจะให้ทุกท่านมีอะไรแนะนำได้เลย” นายกฯ กล่าว
สำหรับระเบียบวาระการประชุม ก.ตร. ครั้งนี้ มีทั้งหมด 4 วาระ ซึ่งวาระที่ถูกจับตาคือ การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร.)คนที่ 15 แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ”ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยนายกฯได้เสนอชื่อพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1ขึ้นเป็น ผบ.ตร.จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คนได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
สำหรับขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่ิอนการพิจารณาวาระเสนอชื่อผบ.ตร.จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร.ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้นับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.
ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และพล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย และองค์ประชุมมีเพียง ประกอบด้วย 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ 10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท รอง ผบ.ตร
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15
สำหรับพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะเกษียณอายุราชการในปี 2569 หรืออีก 2 ปี ประวัติของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ชื่อเล่นว่า “ต่าย” เกิดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2508 ปัจจุบันอายุ 58 ปี เกิดที่ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี จบการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี,-โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 25 ,-โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 (นรต.รุ่น 41) การรับราชการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองระยอง ก่อนจะเติบโตขึ้นตามลำดับ จนได้ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี