ผู้เสียหายทยอยโผล่!!! เข้าร้องเรียน “ทนายเดชา” อ้างถูกบริษัทชักชวนทำธุรกิจขายตรงออนไลน์สูญเงินกว่า 500,000 บาท พบมีผู้เสียหายแล้ว 40 คน เตรียมแจ้งความดำเนินคดีพรุ่งนี้
9 ต.ค.67 ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ซอยรามอินทรา 52/1 ได้มีกลุ่มคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหายเข้าร้องกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้ช่วยดำเนินคดีหลังถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 5 แสนบาท กรณีที่บริษัทธุรกิจออนไลน์แห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะตัวแทนจำหน่าย โดยมีสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยมีดาราชื่อดังมากมายเป็นทีมผู้บริหาร ซึ่งขณะนี้กำลังถูกสังคมตั้งคำถามและจับตาการขายของออนไลน์เป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ล่าสุด ผบ.ตร.สั่งตั้งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว (อ่านข่าวที่ : ตั้ง'บิ๊กอ้อ'ลุยสางปมคดี#ธุรกิจเครือข่ายดัง เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด)
นางวิภารัตน์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เริ่มเข้าเครือข่ายช่วงที่โควิดมาใหม่ ๆ ในปี 2563 ไม่มีรายได้ จู่ๆ ก็มีแม่ทีมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าว ขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก โดยตอนเเรกก็สังสัยว่าเป็นใครเพราะรูปโปรไฟล์มีการถ่ายรูปคู่กับสินค้าเรียงเต็มอยู่ข้างหลังจนได้เป็นเพื่อนกัน แม่ทีมคนนี้มีคำแนะนำให้ตนเข้าเป็นไปลูกทีม เมื่อฟังก็รู้สึกเชื่อถือและคิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี เลยได้มีการสมัครเข้าไปซึ่งมีค่าใช้จ่าย 2,500 บาท พอสมัครเสร็จแล้วก็มีการเข้าไปพบกับบุคคลที่เรียกกันว่า ”บอส“ และได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสินค้าพร้อมพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัว “บอส” เอง ก็ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ จึงได้จ่ายอีก 25,000 บาท เป็นการเพิ่มดีกรีให้ตัวเองเป็นอีกขั้นหนึ่งของตัวเเทนจำหน่าย และเสียค่าไปเที่ยวกับบริษัทเหมือนการสัมมนาอีก 25,000 บาท รวมทั้งหมดวันนั้นเสียค่าใช้จ่าย 50,000 บาท
ผู้เสียหาย เล่าว่า ตลอดที่ตัวเองอยู่ ผู้ที่อบรมของบริษัทนี้ไม่เคยสอนกตั้ง'บิ๊กอ้อ'ลุยสางปมคดี #ธุรกิจเครือข่ายดัง เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดารขายสินค้าออนไลน์เลย สอนแต่การตัดคลิป การยิงแอด และการเชิญชวนคนเข้าเครือข่าย โดยระหว่างที่ตัวเองเป็นเครือข่ายมีการพบเจอกับดาราบ้าง แต่ว่าเข้ามาในลักษณะของการเป็นพรีเซนเตอร์ในการเชิญชวนซื้อสินค้าต่าง ๆ ของบริษัท จนเริ่มทำมาประมาณ 5-6 เดือน เริ่มที่จะขายไม่ได้ โดยได้มีการไปปรึกษากับแม่ทีมซึ่งได้คำปรึกษามาว่าให้ยิงแอดเพิ่มและให้ชักชวนคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมอีก ไม่ได้มีการแนะนำวิธีการขายสินค้าเพิ่มเลย เลยมองว่าไม่คุ้มค่ากับการที่ลงทุนไปกับการขายสินค้า หรือการจ่ายเงินเพื่อเลื่อนระดับ สูญเงินรวมไปกว่า 5 แสนบาท
"ตอนออกมายังเชื่อเขาอยู่ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาพูดจริงๆ เชื่อว่าทำธุรกิจ ค้าขาย ขายของออนไลน์ แต่งตัวหรูหราดูดี จึงลงทุนไปเพราะอยากมีรายได้เพิ่ม ทั้งนี้แม่ทีมมีวิธีการในการเชิญชวนให้เสียเงินในการร่วมลงทุน โดยเอาความสำเร็จมาหลอกล่อเป็นขบวนการ เป้าหมายของบริษัทคือต้องการให้หาลูกทีมเพิ่ม ส่วนสินค้าที่ได้มาเป็นพวกคอลลาเจน อาหารผิว น้ำแร่ฉีดผิว” ผู้เสียหาย กล่าว
นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้เสียหายอีกราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เสียหายได้เล่าถึงขั้นตอนการถูกชักชวนหลอกให้ร่วมลงทุนในลักษณะเดียวกันกับนางวิภารัตน์ โดยเริ่มต้นจากการสมัครสมาชิก 2,500 บาท จากนั้นจะถูกให้เพิ่มดีกรีลงทุนเข้าไปและให้ชักชวนหาคนอื่นมาเป็นเครือข่าย ซึ่งผู้เสียหายได้ชักชวนลูกทีมได้อีกประมาณ 10 คน เป็นเครือญาติ สูญเงินไปหลักแสนบาท ทำให้เครียดถึงขั้นขนาดคิดสั้น
ด้านทนายเดชา กล่าวว่า พรุ่งนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.00 น. จะพาผู้เสียหาย 40 คน ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เกี่ยวกับคดีของบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสงสัยว่ากลายพันธุ์จากบริษัทขายตรงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ โดยตนเองได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รวบรวมผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นการสอบสวน ทั้งนี้ ผู้เสียหายส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการเข้าไปเรียนสอนทำการตลาด เมื่อไปเรียนกลับถูกชักชวนซื้อสินค้า ซึ่งเข้าข่ายชักชวนร่วมลงทุนและขายตรง ซึ่งเข้าความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและอาจผิดตามข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี