รรท.ผบ.ตร.เยี่ยมนักเรียน 3 คนที่รับการรักษาในโรงพยาบาลจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา พร้อมประชุมติดตามคดีที่ สภ.คูคต กำชับดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เที่ยงตรง และเป็นธรรม เผยแจ้งข้อหาแล้ว 3 ราย วิศวกร-จนท.ขนส่ง-อู่ติดก๊าซ ส่อโดนด้วย
วันนี้ (10 ตุลาคม 2567) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เดินทางไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจนักเรียนจำนวน 2 คน ที่รับการรักษาตัวจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศศึกษา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้แก่ นักเรียนหญิงชั้น ป.1 อายุ 7 ปี และนักเรียนหญิงชั้น ป.3 อายุ 9 ปี การรักษาเป็นไปตามแผนและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ด้าน รรท.ผบ.ตร.ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจผู้ปกครองของเด็กหญิงทั้ง 2 คน พร้อมมอบกระเช้าของเยี่ยมให้กับผู้ปกครองด้วย
จากนั้น รรท.ผบ.ตร.ได้ไปประชุมติดตามคดีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ที่สภ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รรท.ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสถติพันธุ์ ผบก.สพฐ.1,พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต และข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดย รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมดผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง รวมทั้งให้พิจารณาพฤติการณ์ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายให้รอบคอบ ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในคดีอย่างเด็ดขาด เที่ยงตรง และเป็นธรรม
ต่อมา รรท.ผบ.ตร. เดินทางไปยังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวและกำลังรับการรักษา โดยพูดคุยสอบถามและให้กำลังใจเด็กและผู้ปกครอง พร้อมมอบกระเช้าของเยี่ยมเป็นเพื่อขวัญกำลังใจ ล่าสุดพบว่าอาการของเด็กดีขึ้น ผลการประเมินด้านจิตใจผู้ป่วยมีอารมณ์คงที่ ผ่อนคลายมากขึ้น นอนหลับได้ ทั้งนี้ ทีมจิตเวชจะดำเนินการประเมินสภาพจิตใจผู้ป่วยและญาติอย่างต่อเนื่อง และติดตามอาการเป็นระยะต่อไป คาดว่าต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวอีกไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และได้พูดคุยกับครอบครัวน้องๆ ยืนยันว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาไปแล้ว 3 คน ได้แก่ คนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ, เจ้าของรถทัวร์ ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถและเจ้าของบริษัทรถทัวร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด เช่น เจ้าของรถทัวร์คันอื่นๆ ที่เข้าข่ายกระทำความผิด วิศวกร เจ้าหน้าที่ขนส่งผู้ตรวจสอบรถ และร้านค้าผู้ประกอบการที่ติดตั้งก๊าซ โดยแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดฐานใดบ้าง ยังต้องรอผลรายงานการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
จากนั้นก็จะส่งผลให้พนักงานสอบสวนไปประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ แล้วจะให้ระดับกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายสอบสวนพิจารณาหลักฐานร่วมกันในรูปแบบคณะทำงานเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ว่าแต่ละกลุ่มบุคคลเข้าข่ายกระทำการโดยประมาท หรือจงใจ หรือดำเนินการผิด พ.ร.บ.รถยนต์ฯ, พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์
ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้ว และยืนยันจะไม่ให้การสืบสวนสอบสวนมีช่องว่างแม้แต่น้อย และจะไม่ปล่อยให้คดีนี้ออกไปในทิศทางที่ไม่ดีไม่งาม จะต้องตรงไปตรงมา ใครผิดว่าไปตามผิด และต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องตามพฤติการณ์ที่ปรากฏ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ขนส่ง ที่จะต้องพิจารณาว่ามีความผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท.หรือไม่ ซึ่งจะต้องสรุปผลและส่งรายงานภายใน 30 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี