“เจ๊นุช บางเตย” คนสนิท"แม่ตั๊ก"โร่เข้าให้ปากคำตร. ยอมรีบเครียดจนเคยคิดฆ่าตัวตาย ขณะที่เบื้องต้นถูกดำเนินคดีด้วย 2 ข้อหากรณีไลฟ์สดเกินจริง
10 ต.ค.67 นางสาวณปภัช เขจรรักษ์ หรือ เจ๊นุช บางเตย เดินทางเข้าพบตำรวจ ปคบ. ตามหมายเรียกครั้งที่1 หลังพบเจ้าตัวไปปรากฏอยู่บนไลฟ์สด ของแม่ตั๊กและสามี ผู้ต้องหาในคดีขายทอง ซึ่งเจ๊นุช เคยได้รับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาทั้งทองคำและรถยนต์หรู ซึ่งขณะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เจ๊นุช ได้เปิดเผยสั้นๆว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่เครียดหรือกังวลอะไร
ข่าวแจ้งว่า หลังพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จแล้ว หลังถูกตำรวจดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ข้อหาโฆษณาเกินจริง ตาม พ.ร.บ.อาหาร จากการไลฟ์ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีของแม่ตั๊ก
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวเจ๊นุช ลงไปห้องสอบปากคำอีกห้องที่อยู่บริเวณชั้น 13 เพื่อสอบปากคำต่อในกรณีขายทองของแม่ตั๊ก โดยสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากที่แม่ตั๊ก และป๋าเบียร์ ถูกจับกุม
เจ๊นุช บอกว่า ขอโทษที่ไม่ได้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนทุกคน ตนเองไม่ได้หนีไปไหน อยู่บ้านตลอด แต่ว่าทุกคนไปบ้านหลังเก่า ตนเองอยู่บ้านหลังใหม่ไปซื้อบ้านอยู่อีกโครงการหนึ่ง ตนเองได้มีการติดต่อทางตำรวจ ปคบ. ตั้งแต่ที่ออกรายการโหนกระแส และให้ทนายประสานกับตำรวจตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนัดเข้ามาให้ปากคำวันนี้ ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากขอให้ทุกคนให้โอกาสตนเอง อย่าพึ่งตัดสินตนเองว่าเป็นคนผิด ตนเองนำหลักฐานทั้งหมดมาให้กับตำรวจทั้งหมด ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทองของแม่ตั๊ก ในทุกกรณี สิ่งสำคัญที่มีกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ว่าทรัพย์สินของตนมีบ้านหลังละ 50 ล้าน จำนวน 4 หลังนั้น ไม่เป็นความจริง จะมีบ้านที่ตนเองซื้อสดและกู้ธนาคาร ตนเองพร้อมชี้แจงทุกประเด็นที่ออกไป
เจ๊นุช กล่าวว่า ในเรื่องของคดีนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนตอบทั้งหมดเพื่อให้เกียรติกับตำรวจ ถามว่ารู้จักกับแม่ตั๊กอย่างไรนั้น ตนเองรู้จักกับแม่ตั๊ก เพราะเป็นเอฟซีและเป็นเพื่อนใน Facebook รู้จักกันมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2561 ตอนนั้นหลังคลอดได้ 3 เดือน แม่ตั๊กก็ทักไปชวนขายกางเกงในเก็บพุง ตนเองเป็นแม่หลังคลอดก็ไปช่วยขายกางเกงใน
ส่วนที่บอกว่าตนเองสนิทสนมกับแม่ตั๊กนั้น ยอมรับว่า สนิทกันในเรื่องการทำงาน แต่ไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวกันทุกเรื่อง ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าร่วมกันทำธุรกิจนั้น ตนเองซื้อมาขายไป ซื้อโปรตีนแม่ตั๊กก็ขายไป ตอนนี้ไม่มีความกังวลใจอะไร เพราะตนเองรู้สึกบริสุทธิ์ใจ หากคอนเทนต์ที่ตนเองทำเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวบ้าน จากคนเก็บขยะแบบตน คนที่เคยอาบน้ำคลองมาก่อน แล้วประสบความสำเร็จจากการขายออนไลน์ ทำให้คิดว่าอวดรวย ตนเองก็ขอโทษด้วย และครั้งหน้าจะไม่ทำคอนเทนต์แบบนี้อีก แต่การช่วยเหลือสังคม ยืนยันว่าจะทำต่อ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ขอให้ตนเองได้พอสูจน์
ส่วนนาฬิกาหรูของแม่ตั๊กนั้น ตนเองเคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นตู้เซฟมาก่อน ตนเองก็เป็นอีกคนนึงที่เคยซื้อสร้อยข้อมือทองคำร้านแม่ตั๊ก น้ำหนัก 10 บาท ซื้อให้สามี ซึ่งเชื่อว่าเป็นของแท้ และเคยซื้อปี่เซียะทองคำ และนำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง จึงทราบว่าเป็นทอง 99.9% ที่ขายแล้วไม่ได้กำไร ส่วนถามว่ายังรักหรือไม่ ตอบไปอาจจะไม่เป็นที่พอใจของประชาชน แต่ความสัมพันธ์ของตนเองก็ยังรู้สึกรักอยู่ วันนี้ตนเองเดินออกไปรู้สึกเหมือนเป็นฆาตกร บางทีร้องไห้ก็หาว่าตัวเองเรียกน้ำตา
ผู้สื่อข่าวถามว่าแม่ตั๊กเคยเปย์อะไรหรือไม่ เจ๊นุช ตอบว่า ไม่เคยเปย์เป็นเงิน แต่เมื่อปี 2565 แม่ตั๊กเคยซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้ราคา 180,000 บาท และปี 2566 ที่ผ่านมาก็ซื้อกำไรหรูให้ ไม่มีรถหรือบ้าน ซึ่งหลักฐานตนเองส่งให้ตำรวจหมดแล้ว ว่าซื้อเอง ตนเองและแม่ตั๊กสนิทกันขั้นพนักงาน เพื่อน ที่ไม่ได้สนิทแบบรู้ข้อความทุกอย่างของแม่ตั๊ก เรื่องที่เกิดขึ้นเกือบฆ่าตัวตาย พูดแล้วจะร้องไห้ สามีตนเองเป็นโรคซึมเศร้า กินไม่ได้ ขณะนี้ยังถ่ายเป็นเลือดอีก
ด้านทนายความส่วนตัวของเจ๊นุช ให้ข้อมูลว่า 2 ข้อหาที่ เจ๊นุชถูกดำเนินคดีนั้น คือ ข้อหาเกี่ยวกับ พรบ. คอมพิวเตอร์ และเรื่องของการโฆษณาเกินจริง ไม่เกี่ยวกับคดีของแม่ตั๊ก แต่เป็นในส่วนที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนาพงษ์ ได้ไปแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งให้การปฏิเสธไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี