ปภ.สรุป 15 จังหวัด ยังท่วม 5 หมื่นครัวเรือน เดือดร้อน ตาย 52 ศพกรมชลฯลดระบายน้ำ “เขื่อนเจ้าพระยา” ต่อเนื่องเหลือ 2 พันลบ.ม./วินาที หวังพื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จว.ท่วมน้อยลง ด้านการฟื้นฟูแม่สาย ที่จมน้ำผ่านมา 1 เดือนคืบหน้า 95%เหลืออีก 2 ตำบล ที่โคลนเต็มส่วนเทศบาลนครเชียงใหม่ปิดถนน 9 เส้น เร่งทำความสะอาดถนน-เก็บขยะตกค้าง หลายชุมชนวอนเจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำออกเพราะน้ำเน่าแล้ว “ภูมิธรรม”นัดถก ศปช.อังคารหน้า แก้ท่วมแม่สายระยะยาว พร้อมจับมือ“เมียนมา”สางปมรุกล้ำแม่น้ำสาย ป้องกันเหตุซ้ำ ชี้ถ้าไม่รีบทำอาจมีบางพื้นที่ถูกโคลนทับหาย แย้มถ้าแก้ไม่ได้จริงๆอาจถึงขั้นย้ายเมือง
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปรายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-11 ตุลาคมว่า เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใน 45 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง สตูล และสงขลา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 279 อำเภอ 1,238 ตำบล 6,463 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 253,454 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 52 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน
15จว.ยังท่วมกระทบ5หมื่นครัว
รายงาน ปภ.ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ สุโขทัย อุดรธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 60 อำเภอ 306 ตำบล 1,523 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 51,954 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 8 จังหวัดได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.ตาก จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย จ.นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัดคือ จ.อุดรธานี ภาคกลาง 6 จังหวัดคือ ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม
‘เขื่อนเจ้าพระยา’ลดระบายน้ำต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ลดลงไปด้วย โดยวันนี้ น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณ 2,485 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 145 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน ที่ อ.เมืองชัยนาท ลดลง 9 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 16.08 เมตร(รทก) กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาแบบขั้นบันได มาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม จากอัตรา 2,199 ลบ.ม./วินาที เหลืออัตรา 2,047 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อน ที่ อ.สรรพยา ลดลง 45 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 14.65 เมตร (รทก)
ที่ลุ่มต่ำ4จว.ริมเจ้าพระยาท่วมน้อยลง
ทั้งนี้ ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เขื่อนเจ้าพระยาจะปรับลดการระบายน้ำลงอีกเหลืออัตรา 2,005 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อยบริเวณต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี อ.เมือง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี วัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง และต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาทน้ำลดลงอีก 15 เซนติเมตร
แม่สายยังอ่วม-โคลนยังมหาศาล
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครบรอบ 1 เดือนหลังลำน้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา เอ่อล้นท่วมพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยเหตุการณ์น้ำท่วมเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ สภาพพื้นที่ที่อยู่ติดกับลำน้ำยังประสบปัญหาดินโคลนปริมาณมากเกาะอยู่ตามถนนอาคารบ้านเรือน แม้จะขุดตักออกไปเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม โดยเฉพาะชุมเกาะทราย ชุมชนไม้ลุงขนที่ยังมีดินโคลนจำนวนมาก ขณะที่เทศบาล ต.แม่สายแจ้งภาคเอกชนที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านได้ประสานและร่วมกับหน่วยงานหลักคือ ทหาร จิตอาสา เพื่อให้การฟื้นฟูพื้นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนเขต อ.เมืองเชียงรายจัดกำลังพลจาก มทบ.ที่ 37 ร่วมกับเทศบาลนครเชียงรายเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ และเทศบาลนครรังสิต จ.ปทุมธานี เข้าฟื้นฟูหมู่บ้านธนารักษ์กองทัพบก ซึ่งตั้งอยู่ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย และได้รับผลกระทบจากแม่น้ำกกเข้าท่วมใกล้เคียง อ.แม่สาย พบว่าจากผู้อาศัย 273 หลัง ยังมีบ้านที่ต้องการความช่วยเหลืออีก 63 หลัง เจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดเสร็จแล้ว 60 หลัง คิดเป็น 95% เหลือ 3หลัง และมีการดูดโคลนตามท่อระบายน้ำและซอยในหมู่บ้าน 22 ซอย
เชียงใหม่ปิดถนน9สายบิ๊กคลีนนิ่ง
ส่วนที่จ.เชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่เริ่มทำความสะอาดถนนสายต่างๆ เร่งจัดเก็บขยะที่ถูกน้ำท่วมที่เอามากองไว้ตามท้องถนน เพราะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งวันนี้ปิดถนน 9 เส้นทาง เพื่อ Big Cleaning Day ล้างทำความสะอาดทั่วเมืองเชียงใหม่ต่อเนื่อง ได้แก่ ถนนเจริญเมือง ถนนแก้วนวรัฐ ถนนฟ้าฮ่าม ถนนรัตนโกสินทร์ ถนนศรีดอนไชย ถนนรัตนโกสินทร์ฝั่งตะวันออก ถนนเจริญประเทศ ถนนเชียงใหม่ - ลำพูน และ ถนนเจริญราษฎร์ หรือถนนเส้นหลังวัดเกต ขณะเดียวกัน ยังมีหลายชุมชนที่เป็นแอ่งกระทะ ร้องขอความช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำออกเพราะน้ำเน่าส่งกลิ่นกระทบต่อสุขภาพ ยังต้องใช้เวลาทำความสะอาด เพราะน้ำท่วมปีนี้หนักมาก สิ่งของเสียหายแทบทั้งหมด เพราะขนออกไม่ทัน
7อภ.อยุธยายังจม-2.2หมื่นครัวเดือดร้อน
สถานการณ์น้ำท่วมที่จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ถึงแม้เขื่อนเจ้าพระยาปรับลดการระบายน้ำลงต่อเนื่องแต่ปรากฎว่าบ้านเรือนประชาชนบางพื้นที่ โดยเฉพาะที่อยู่ติดริมแม่น้ำน้อยยังมีน้ำท่วมขังสูง อย่างชุมชนใน ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาน้ำสูงกว่า 3 เมตร น้ำท่วมขังมาเดือนที่ 3 แล้ว บ้านเรือนบางหลังน้ำท่วมครึ่งหลัง แต่ชาวบ้านยังพักอาศัยอยู่ในบ้านไม่ย้ายออก ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก เช่นเดียวกับ ชาวบ้านหมู่ 8 ต.บางหัก อ.บางบาลยังเดือดร้อนคือ บ้านจมน้ำและเจอกระแสน้ำแรง น้ำที่ไหลเชี่ยว น้ำท่วมมานานเกือบสองเดือน ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร วันนี้น้ำลดลงประมาณ 5-10 เซนติเมตร แต่ก็ยังเดือดร้อนจากกระแสน้ำแรงมาก ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยามีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 7 อำเภอคือ เสนา บางบาล บางปะอิน บางไทร ผักไห่ พระนครศรีอยุธยา และบางปะหัน รวม 97 ตำบล ประชาชนเดือดร้อน 22,589 ครัวเรือน
พิจิตรอ่วมน้ำยมเพิ่มสูงจมน้ำกว่า3พันครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พิจิตร สถานการณ์แม่น้ำยมที่ล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้วหลายร้อยหลังคาเรือน สร้างความเดือดร้อนในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน เพราะน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการเดินทางเท่านั้น โดยเฉพาะที่ต.กำแพงดิน อ.สามง่ามนอกจากได้รับผลกระทบจากน้ำยมล้นตลิ่งเข้าท่วมลานวัดศรีศรัทธาราม เขตเทศบาลตำบลกำแพงดิน หรือวัดโบสถ์จระเข้ วัดที่ประชาชนนิยมท่องเที่ยว สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พิจิตร ขณะนี้แม่น้ำยมยังเพิ่มระดับต่อเนื่องวันละ 4-5 เซนติเมตร พื้นที่ประสบภัยลุ่มน้ำยมคือ อ.สามง่าม เดือดร้อน 1,491 หลังคาเรือน น้ำท่วมสูง 1-2 เมตร อ.โพธิ์ประทับช้างเดือดร้อน 1,601 หลังคาเรือน น้ำท่วมสูง 1-2 เมตร
ถกศปช.15ตค.แก้แม่สายท่วมระยะยาว
ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังประชุมสภากลาโหมถึงเรื่องการฟื้นฟูพื้นพื้นที่ประสบอุทกภัยของหน่วยทหารและกองทัพขณะนี้ว่า ได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเรื่องนี้ มีการสรุป 3 มาตรการแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ตนขอชื่นชมเหล่าทัพ เพราะว่าหลังจากเกิดเหตุ รัฐบาลไม่ต้องสั่งการอะไร เพราะทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วในการลงไปช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัย เข้าถึงพื้นที่และทำงานได้ทันที
“ยอมรับว่า ครั้งนี้เป็นการท่วมแบบพิเศษ ไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาก่อน พบมีเหมืองอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น รวมทั้งมีโคลนมีต้นไม้ ไหลมาตามกระแสน้ำจำนวนมาก ส่วนการฟื้นฟู ทหารพิจารณาแล้วว่า วงเงิน 9,000 บาท ที่มอบให้ ผู้ได้รับผลกระทบ ยังไม่สามารถช่วยฟื้นฟูได้ทั้งหมด แต่เป็นส่วนหนึ่งช่วยเสริมกำลังใจ ซึ่งได้มอบหมายให้จัดประชุมและหาทางออกว่าจะใช้กฎระเบียบหรือนโยบายอย่างไรแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น”นายภูมิธรรมกล่าว และว่า ได้พูดคุยถึงการแก้ปัญหาในอ.แม่สายระยะยาวด้วย ในส่วนแม่น้ำสาย อาจต้องขุดลอกใหม่ ในที่ประชุมสภากลาโหมนำภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณดังกล่าวมาดู เห็นว่าทางน้ำเหลือเพียง 20 เมตร คิดว่าต้องดำเนินการทันที หลังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผ่านไป จะเรียกประชุม ศปช. วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พิจารณาว่าจะทำอย่างไร
คุยพม่าแก้รุกล้ำแม่น้ำสายอาจถึงขั้นย้ายเมือง
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ในการหารือกับเมียนมา โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งประสานทางการเมียนมาแล้วว่าอาจต้องผลักดันพื้นที่รุกล้ำออกไปทั้งหมดทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นไม่สามารถพูดคุยกันได้ ส่วนเรื่องอื่นก็ต้องดูว่าสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง เช่น เรื่องดิน และถึงที่สุด หากแก้ปัญหาไม่ได้ อาจถึงขั้นต้องเปลี่ยนแปลงหรือย้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่เรากำลังคิดกันอยู่ เพราะเรากำลังคาดการณ์ว่าหากเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นทุกปี บ้านเมืองที่อยู่บริเวณนั้น ก็อาจกลายเป็นเมืองใต้ดิน จากการถูกทับถม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากย้ายเมืองต้องเวนคืนพื้นที่เพื่อรองรับด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า กรณีดังกล่าว ขอให้เป็นกรณีสุดท้าย หากไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่นได้แล้ว เนื่องจากต้องดูทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง งบประมาณ และเรื่องอื่นด้วย สำหรับมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง และภาคใต้รัฐบาลดูแลสถานการณ์ทั่วประเทศอยู่แล้ว ขณะนี้ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เริ่มมีฝนตก จึงสั่งการให้ป้องกันสถานการณ์อุทกภัยในทุกพื้นที่ดังกล่าวไว้แล้ว
ภาคกลางฝนหนัก-อีสานอากาศเย็น
เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศทั่วไทยว่า ลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับความกดอากาศสูงกำลังอ่อนยังปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นตอนเช้า ส่วนร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงเดินเรือในที่มีฝนฟ้าคะนอง
ภาคใต้-กทม.ฝนถล่มหนัก70%
กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศทั่วทุกภาคของไทยถึง 18:00 น. วันที่ 12 ตุลาคมว่า ภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 มีฝนตกหนักบริเวณจ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นตอนเช้าทางตอนบนของภาค มีฝนร้อยละ 10 บริเวณจ.ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ส่วนภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะที่ภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร เช่นเดียวกับ กรุงเทพและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 มีฝนตกหนักบางแห่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี