ตามจับกุม‘พิศาล’
ประสานตร.สากล
ลุยออกหมายแดง
ผู้ต้องหาคดีตากใบ
“บิ๊กต่าย” ประสานตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล “ออกหมายแดง” ตามจับ“พล.อ.พิศาล” ผู้ต้องหาคดีสลายชุมนุมที่ตากใบ ให้ทันอายุความ 25 ตุลาคมนี้ ด้าน “ภูมิธรรม” ป้อง ผู้ต้องหา อ้างศาลยังไม่ตัดสินชี้ให้ขับพ้น ส.ส.เพื่อไทย คงยาก ส่วนเจ้าตัวจะรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ ยังบอกไม่ได้
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดีสลายการชุมนุมที่ตากใบ จ.นราธิวาส ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ โดยมี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้ทำหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎร ไปรักษาตัวต่างประเทศ ว่า หลังจากตำรวจได้รับหมายจับ ได้ประกาศสืบจับ และทำหนังสือเวียนแจ้งทุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค โดยในส่วนของตำรวจภูธรภาค 9 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนธุรการในการประกาศสืบจับ และได้แจ้งให้มีการตรวจค้นตามภูมิลำเนาผู้ต้องหา โดยพาสื่อมวลชนไปด้วย เพื่อแสดงเห็นถึงการทำงานว่าไม่ได้ปล่อยปละละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่ ยศสูง ก็ดำเนินการเหมือนกันหมด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้ประสานกองการต่างประเทศ ตร.เพื่อออกหมายแดงและประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เพื่อติดตามจับกุมตัว ยืนยันว่าได้ดำเนินการครบถ้วนทุกอย่างแล้ว การหลบหนีเป็นช่องทางที่ผู้กระทำความผิดย่อมหาวิธีที่ ไม่ให้ตัวเองถูกจับกุม
“ผมไม่รู้ว่าผู้ต้องหาออกนอกประเทศ ไปช่วงไหน แต่ที่ตำรวจทำ ได้ทำอย่างเต็มที่ และย้ำไปยังหน่วยปฏิบัติที่ได้เข้าตรวจค้นนับจากวันที่ตำรวจได้รับหมายจับ และได้เริ่มตรวจค้นสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ยังรับราชการอยู่ตอนนี้ ก็หลบหนีเช่นกัน ตำรวจได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์พยายามทำอย่างเต็มที่” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
ที่ กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ.พิศาล ผู้ต้องหาในคดีสลายการชุมนุมที่ตากใบ ว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ศาลได้ออกหมายจับแล้ว และรัฐสภา ก็บอกไปแล้วว่าเฉพาะเวลาที่ประชุมจะคุ้มครองตามเอกสิทธิ์ ส.ส.หลังจากนั้นก็ว่าไปตามกฎหมาย ตนได้เรียกผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.ตร.มาพูดคุยและสั่งให้ดำเนินการอย่างเต็มที่
“ท่าน ผบ.ตร.ได้สั่งการตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศ ดำเนินการจับกุมเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างบ้าน พล.อ.พิศาล ก็เข้าไปตรวจค้น ยังไม่พบอะไร ดังนั้นทุกอย่างชัดเจนว่าไม่มีใครปล่อยปละละเลย ส่วนผลจะเป็นอย่างไร มันก็ต้องเป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อเสนอว่าเพื่อกันพรรคเพื่อไทย ออกมาจากประเด็นนี้ ควรจะให้ พล.อ.พิศาล ลาออก หรือพรรคเพื่อไทย ขับออก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ท่านยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าเป็นผู้มีความผิด เพราะฉะนั้นในแง่ของพรรค น่าจะทำได้ยาก ส่วนท่านจะตัดสินใจรับผิดชอบหรือไม่ อย่างไร เป็นดุลพินิจของตัวท่านเอง ส่วนที่บอกว่าพรรคถูกลากเข้าไป ก็พูดเกินเลยไป ทุกคนก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล และเข้าใจว่าก็ทำตามกฎระเบียบ ดังนั้นอย่าลากเข้าไปเป็นประเด็นทางการเมือง
เมื่อถามว่าเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า พล.อ.พิศาล ลาไปพักรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ และจะกลับมาในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ซึ่งตอนนั้นคดีขาดอายุความไปแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่ พล.อ.พิศาล ลาไปรักษาตัว ถ้าสภาฯ ว่าอย่างนั้น ก็ว่าไปตามสภาฯ ส่วนข้อถามว่า หาก พล.อ.พิศาล กลับมาในตอนที่คดีขาดอายุความแล้ว พรรคเพื่อไทย จะให้เป็น ส.ส.อยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอให้เรื่องเกิดขึ้นก่อน ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการ
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้นำกำลัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ทหารและฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดใส่จุดตรวจท่าสาปของหน่วยปฏิบัติการพิเศษยะลา (มว.ฉก.นปพ.ยะลา 22) โดยพบหลุมระเบิดบนถนน และร่องรอยสะเก็ดระเบิด ห่างออกไปเล็กน้อย พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว รถกระบะตอนเดียวยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน บต-8788 ยะลา และรถกระบะแบบแคป ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮต-7452 ปัตตานี ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายได้ใช้ระเบิดชนิดไปป์บอมบ์ ขว้างเข้ามา โดยคนร้ายใช้จักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อและทะเบียน เป็นยานพาหนะ ซ้อนท้ายกันมา 2 คน บริเวณตรงข้ามจุดตรวจท่าสาป ฝั่งขาออกตัวเมืองยะลา ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ด้าน พล.ต.ต.เสกสันต์ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว พร้อมกับสั่งการให้ทุกจุดตรวจจุดสกัดและด่านถาวร เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรายานพาหนะต่างๆ รวมทั้งเน้นการปฏิบัติหน้าที่เชิงรุก สืบสวนไปยังจุดที่น่าจะเป็นแหล่งกบดาน หรือซ่อนตัวของกลุ่มคนร้ายด้วย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ
อีกด้านหนึ่ง ที่หน้า รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ต.จะกว๊ะ หมู่ 3 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ช่วงค่ำวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.จะกว๊ะ รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนหน้า รพ.ดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบเหตุ โดยพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอายุ ฮะตะมะ อายุ 47 ปี สภาพถูกยิงในขณะที่ขับจักรยานยนต์ ไปทำธุระภายในหมู่บ้าน ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากเรื่องส่วนตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี