ตร.ขีดเส้นออกหมายจับใน48ชม.
ฟัน‘บอส ดิไอคอน’
‘ทนายตั้ม’แจ้งเอาผิด6ผู้บริหาร
ชี้แชร์ลูกโซ่ชัด-ต้องมีคนติดคุก
ตำรวจจ่อแจ้งข้อหาผู้บริหารดิไอคอน ก่อนขยายไปถึงผู้เกี่ยวข้องว่ามีส่วนกระทำผิดหรือไม่ ชี้ ในส่วนของดาราแม้ไม่มีตำแหน่งผู้บริหาร แต่หากพฤติการณ์กระทำผิดชัดก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย รองโฆษก ตร. เผย ไม่เกิน 48 ชม. ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกง-ฉ้อโกงประชาชน-ฟอกเงิน” พร้อมหารือดีเอสไอว่า จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ด้าน ปปง.ตั้งชุดตรวจพิเศษ เตรียมนำเข้าที่ประชุม คกก.ธุรกรรม 17 ต.ค.นี้ ชี้ ตร.มีอำนาจอายัดทรัพย์เบื้องต้นได้ก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา “ทนายตั้ม-แทนคุณ”ร้อง ปคบ. เอาผิด 6 ผู้บริหารดิไอคอน ขณะที่ เพจ The Icon Group แถลงยืนยัน 5 ดาราไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทำธุรกิจของ บริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ต่อเนื่องถึงวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีประชาชนที่ระบุว่า เป็นผู้เสียหายเดินทางมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกือบ 130 ราย ความเสียหายรายละ 200,000-500,000 บาทรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ขณะนี้คณะทำงานได้รับพยานเอกสารของประชาชน ในส่วนของหลักฐานการติดต่อ, การชักชวนไปร่วมลงทุนธุรกิจ และตัวอย่างสินค้า รวบรวมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเป็นการประกอบธุรกิจขายตรงคล้ายกันกับบริษัทใหญ่ ที่เป็นที่รู้จักหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบการจดทะเบียนขออนุญาตการประกอบกิจการ เพราะธุรกิจขายตรงต้องมีการจดทะเบียนขออนุญาต รวมถึงต้องสอบถามตัวแทนขายว่า ลักษณะการไปอบรม การนำทรัพย์สินไปใช้ในธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะใดเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายธุรกิจขายตรงหรือไม่
มุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารบริษัทก่อน
“ในชั้นแรกจะมุ่งไปที่ตัวผู้ประกอบการ (ผู้บริหารบริษัท) ก่อนว่ากระทำผิดประเภทไหน จากนั้นจึงเป็นการพิจารณาบุคคลที่เกี่ยวข้อง ว่าเข้าข่ายลักษณะความผิดของตัวการ ด้วยหรือเป็นเพียงผู้เข้าร่วมส่วนที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลหรือการแถลงข่าวว่าไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัท ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้การและกล่าวอ้างได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องยึดถึงคำให้การของผู้เสียหายด้วยว่า ที่ผ่านมาบุคคลเหล่านั้นมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างในบริษัท กระบวนการของตำรวจคือการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ากระทำความผิดก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ทั้งนี้ตราบใดที่เรื่องไปถึงศาลและศาลยังไม่พิพากษาว่าเป็นผู้ต้องหาพวกเขาก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ในขณะนี้เราทำงานอย่างเต็มที่เพราะเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
ไม่มีตำแหน่งแต่พฤติกรรมชัดก็โดนด้วย
เมื่อถามว่ากรณีดาราที่มีส่วนที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจมาร่วมลงทุน และระบุว่าตนไม่ใช่ฝ่ายบริหาร จะมีการพิจารณาดำเนินคดีความผิดใดหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ถ้าข้อเท็จจริงที่ได้พาดพิงถึงท่านใด ยืนยันว่าจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด หากพบว่าพฤติการณ์ดังกล่าวมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แม้บุคคลนั้นจะไม่มีตำแหน่งในบริษัทแต่มีพฤติการณ์ความผิด ทั้งนี้ มีการเตรียมการป้องกันหาก มีการดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการหลบหนีออกนอกประเทศ
สคบ.เข้าตรวจสอบบ.ดิไอคอน
เมื่อเวลา 10.30 น. นายวิธิเนศวร์ เนียมมีศรี นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมคณะทำงาน สคบ., บช.สอท. และ บช.ก. ลงพื้นที่ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเอกสารเส้นทางการเงิน การจดทะเบียนการค้า หลังมีผู้ร้องเรียนว่าชักชวนลงทุนมีผู้เสียหายจำนวนมาก
เช็คยอดขายสอดคล้องรายได้หรือไม่
เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 161 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 62 ล้านบาท ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจ ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. นำกำลังเข้าตรวจสอบสำนักงานหรือออฟฟิศของบริษัทดังกล่าว เพื่อค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจ รวมถึงตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่บริษัทดังกล่าวอ้างว่าจำหน่าย จำนวน 15 รายการ โดยหลังจากนี้ทางตำรวจ ปคบ.จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ต่อไป
“จากแนวทางสืบสวนทราบว่าบริษัทดังกล่าว มีผลประกอบการบางปีสูงถึง 5 พันล้านบาท ทั้งที่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายเพียง 15 รายการ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้สอดคล้องกับเงินรายได้บริษัทหรือไม่ และมีผลิตภัณฑ์ไปให้ประชาชนขายจริงหรือไม่ นอกจากนี้ตำรวจ ปคบ. ยังได้นำบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และกลุ่มดาวไลน์ จำนวนกว่า 120 บัญชี ส่งให้กับทาง ปปง. ช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์หาธุรกรรมต้องสงสัยต่างๆ” พ.ต.อ.อุเทน กล่าว
ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องภายใน48ชม.
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ ทาง ผบ.ตร. เองได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของดิไอคอนกรุ๊ป ในความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกง ,ฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน” ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนเรื่องทรัพย์สินแนวทางสืบสวนพบว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้าย หรือผ่องถ่ายยาก จึงไม่ได้กังวล เชื่อว่าสามารถตรวจยึดเฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้
“ธุรกิจขายตรง กับธุรกิจตลาดแบบตรง สามารถขออนุญาตดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในเคสนี้เป็นธุรกิจตลาดแบบตรง ก็คือการทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งหากปฏิบัติถูกต้องก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ธุรกิจเหล่านี้จะมีเส้นบางๆ กั้นกลางกับคำว่า แชร์ลูกโซ่ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าผลิตภัณฑ์เขามีมาตรฐานหาซื้อได้ตามท้องตลาดเหมือนสินค้าทั่วไปหรือไม่ รวมไปถึงวิธีการขาย เป็นการขายด้วยการใช้วิธีโปรโมท หรือเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะระดมทุน หากเป็นระดมทุน หรือ มุ่งเน้นโฆษณาชวนเขื่อ ไม่ได้มุ่งเน้นขายคุณภาพสินค้า ก็จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ไม่ใช่ตลาดตรง” พ.ต.อ.อุเทน กล่าว
ถกดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ทางคณะทำงานมีการนัดประชุมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งข้อหาผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน จากนั้นในช่วงเย็นก็จะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าคดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ทางตำรวจเองก็จะไม่ปล่อยมือ พร้อมประสานข้อมูลและอยู่ทำงานร่วมกับทางดีเอสไอต่อเนื่อง เพื่อลดช่องโหว่ทางคดี เบื้องต้นได้มีการประสานข้อมูลร่วมกันไวับ้างแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลแรกในคดีที่จะถูกออกหมายจับคือใคร และในส่วนของศิลปินดารา จะมีการออกหมายเรียกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.อุเทน ตอบว่า สำหรับคดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการออกหมายเรียก แต่เป็นการออกหมายจับเลย เพราะถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ขอเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง จะชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องการเสียภาษี ทางสรรพากรได้มีการตรวจสอบเป็นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ ถึงตอนนั้นก็จะรู้ว่ารายละเอียดยอดขายของบริษัทตรงหรือสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทหรือไม่
ปปง.ตั้งชุดตรวจพิเศษ-หารือ17ต.ค.
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่าปปง.ได้รับหนังสือการประสานให้ตรวจสอบกรณีบริษัทดิไอคอน จากตำรวจ ปคบ.แล้ว และได้สั่งตั้งชุดตรวจสอบเป็นพิเศษทันที ซึ่งโดยหลักการแล้วเนื่องจากการใช้อำนาจตามกฎหมายฟอกเงินกระทบสิทธิส่วนบุคคล จึงต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบที่รอบคอบและเข้าข่ายความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินซึ่งตำรวจได้ประสานให้ตรวจสอบในความผิด การกู้ยืมเงินซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดเดาหรือเปิดเผยจำนวนทรัพย์สินได้ ขั้นตอนหลังรับเรื่องแล้ว ตรวจสอบพฤติการณ์ ธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรม ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ เบื้องต้นได้ประสานธนาคารแล้ว การใช้อำนาจการยึดอายัดทรัพย์สิน เป็นรูปแบบคณะกรรมการธุรกรรม อันดับแรกจึงต้องตรวจพฤติการณ์การกระทำผิดก่อนเมื่อเข้ามูลฐานความผิด ฉ้อโกงประชาชน หรือการกู้ยืมเงินโดยฉ้อโกงประชาชน จึงดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เลขาปปง.สั่งเร่งสืบทรัพย์ ดิไอคอน
นายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย และในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปง. เปิดเผยว่า เลขาธิ การ ปปง. ได้มีคำสั่งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ปปง. เข้าไปดำเนินการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้มีการประชุมทีมเจ้าหน้าที่ในเนื้อหาสาระสำคัญ โดยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาดำเนินการ โดยระหว่างนี้ ปปง. จะทำการตรวจสอบความสมบูรณ์ครบถ้วนจากรายงานข้อมูลของตำรวจ ปคบ.ว่าเพียงพอที่ ปปง. จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ได้หรือไม่ หากยังมีรายละเอียดใดที่ ปปง. ประสงค์เพิ่มเติมก็จะต้องทำการสอบถามกลับไปใหม่ เพื่อให้ได้ความถูกต้องชัดเจนมากที่สุด ทั้งในส่วนรายการทรัพย์สิน หรือตัวบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์
สำหรับรายละเอียดภายในหนังสือแบบรายงานคดีของตำรวจ ปคบ. ที่ส่งให้ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเรื่องทรัพย์สินของบุคคล นิติบุคคลนั้น โฆษก ปปง. เผยว่า เนื้อหาภายในเกี่ยวข้องกับตัวบริษัทและบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปแล้ว ทั้งนี้ หากข้อมูลจากตำรวจ ปคบ. ปรากฏข้อเท็จจริงว่าพฤติการณ์ดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงินของ ปปง. เจ้าหน้าที่ก็จะได้ตรวจสอบว่าผู้สัมพันธ์เกี่ยวข้องแต่ละรายมีการครอบครองทรัพย์สินรายการใดบ้าง และทรัพย์สินต่างๆได้มาอย่างไร จึงจะนำไปสู่กระบวนการดำเนินการกับทรัพย์สิน โดยต้องประมวลเรื่องส่งไปยังที่ประชุมของคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อมีมติออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราว
“รมต.จิราพร”เชิญหารือที่ทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 16.00น.ได้แก่ เลขาธิการปปง. เจ้าหน้าที่ตำรวจฯลฯเพื่อหารือแนวทางในเรื่องดังกล่าวเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“ทนายตั้ม-อี้”แจ้งเอาผิด6ผู้บริหาร
ที่องบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมนายแทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหาร หรือ บอส ของบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่ที่มีกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งสิ้น 6 คน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน ที่ล่าสุดมีผู้เสียหายประสานมากว่า 700 คนแล้ว
ทนายษิทรา กล่าวว่าพฤติการณ์ของบริษัทดังกล่าวไม่ได้ส่งสินค้าให้กับผู้ที่ลงทุนจริง บางคนลงทุน 250,000 บาท แต่เมื่อขอเบิกสินค้า กลับอ้างว่าขาดสตอก หรือส่งสินค้าหมดอายุให้ และเน้นให้หาคนมาสมัครคอร์สเรียนและสมัครเป็นลูกข่ายแทน เพื่อให้ได้ส่วนแบ่ง 10,000 บาท จากเงินลงทุน ที่อ้างว่าขายเซรั่มได้ 1 ล้านหลอดนั้น ตนเองท้าเลยว่าหากมีผู้บริโภคคนใดที่ซื้อสินค้าดังกล่าว ใช้แล้วซื้อต่อ สามารถติดต่อมาที่ตนเองได้ เพราะที่สอบถามมา ไม่มีใครพบเห็น หรือรู้จักสินค้าชิ้นนี้ในท้องตลาด ดังนั้นพฤติการณ์นี้จึงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ชัดเจน ส่วนบอสดารา อ้างว่าไม่มีส่วนในการบริหารเป็นเพียงพรีเซนเตอร์ และบางคนก็อ้างว่าต้องรับตำแหน่งผู้บริหารมาเพราะความเกรงใจนั้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะผู้เสียหายทั้งหมดยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนเพราะเชื่อมั่นในตัวดาราเหล่านี้ และยิ่งน่าเชื่อถือไปอีกเมื่อมีบอสที่อ้างตัวว่าเป็น “หมอ” รวมอยู่ด้วย โดยทนายษิทรายังย้ำชัดว่า “คดีนี้มีบอสติดคุกแน่นอนอย่างน้อย 4 คน”
ผู้เสียหายทยอยแจ้งความต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศ ที่ศูนย์รับแจ้งความคดีหลอกผู้ร่วมลงทุนบริเวณชั้น 2 ตึกพิทักษ์สันติราษฎร์ ในช่วงเช้า วันนี้พบว่ามีประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการลงทุน กับบริษัท The icon ทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความ อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละคนจะหอบหลักฐานการ ลงทุนเข้ามา ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนในระดับ ดีเลอร์ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนถึง 250,000 บาท บางรายลงทุนถึง 4 ครั้ง หมดเงินไปกว่า 1 ล้านบาท แต่ได้ค่าตอบแทนเพียง 40,000 บาทเท่านั้น
The iConยัน5ดาราไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น
ด้านเพจ The Icon Group ได้โพสต์ภาพจดหมายชี้แจงกรณี 3 ดาราดังที่มีชื่อเป็นบอส ได้แก่ มิน พีชญา, กันต์ กันตถาวร, แซม ยุรนันท์ ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงและถือหุ้นบริษัท โดยมีเนื้อหาดังนี้ “บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่า คุณกันต์ กันตถาวร, คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมมรมนตรี และคุณมิน พีชญา วัฒนามนานตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วย ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน ขอแสดงความนับถือ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด”
และในส่วนของ 2 พรีเซนเตอร์ ก็ได้มีการชี้แจงว่า “บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group) ขอชี้แจงว่า คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พรีเซ็นเตอร์ ROOM COFFEE และคุณโดม ปกรณ์ ลัม พรีเซ็นเตอร์ BOOM COLLAGEN ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน ขอแสดงความนับถือ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด”
‘มิน พีชญา’แสดงความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อเวลา 14.00 น. นางเอกสาวคนดัง มิน พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน อีกหนึ่งคนที่นั่งแท่นตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ในเครือ ดิไอคอนกรุ๊ป แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียหายที่เกิดขึ้น อยากออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตัวเองอยู่ในดิไอคอน คือเป็นทั้งพรีเซนเตอร์ และผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารจัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือพีอาร์ ระบุในตัวสัญญา แต่ที่เรียกบอสมีนเป็นการให้เกียรติ
โดยทนายระบุว่าแค่โปรโมทสินค้า จะได้ค่าตัวเท่ากับพรีเซนเตอร์ทั่วไป ในตรงนี้มีสัญญาชัดเจนที่พร้อมจะนำไปมอบให้กับตำรวจ และไม่ใช่ดาราคนแรกที่เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ และได้ตรวจสอบแล้ว
ส.ขายตรงไทย แจงบ.ดังไม่ใช่สมาชิก
สมาคมการขายตรงไทย (TSDA) ออกแถลงการณ์เรื่อง “รูปแบบธุรกิจขายตรงที่ถูกต้อง” โดยระบุว่า จากประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นของแบรนด์ธุรกิจรายหนึ่ง ทางสมาคมการขายตรงไทยขอชี้แจงว่า แบรนด์ธุรกิจดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี