‘รองผบช.ก.’เผยผลลุยค้น 9 จุด‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ และบริษัทในเครือ เร่งหาหลักฐานโยงเอาผิดหลังยอดผู้เสียหายพุ่งเกือบ 500 ราย ความเสียหาย 178 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า วันนี้ได้มีประชาชนมาแจ้งความ 235 ราย ยอดรวมในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมถึงปัจจุบัน มียอดรวมผู้เสียหาย 488 ราย มูลค่าความเสียหาย 178 ล้านบาท
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า วันนี้ได้ขอศาลอาญาออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมทั้งโกดังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น ขณะเดียวกันนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัทฯ และอีกหลายคนได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่จะเดินทางมาแจ้งความ กรณีที่อยู่ต่างจังหวัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีวิทยุสั่งการด่วนถึงที่สุดให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศทุกท้องที่รับแจ้งความ ส่วนประเด็นการสอบสวนได้ส่งให้พนักงานสอบสวนทุกท้องที่แล้วสำหรับประชาชนที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสามารถไปแจ้งความได้ที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่สุด ทั้งนี้ที่บช.ก.ในแต่ละวันได้จัดพนักงานสอบสวนไว้รองรับจำนวน 70 นาย พร้อมจัดอาหารว่างเครื่องดื่มไว้รองรับให้กับประชาชนที่เข้ามาแจ้งความ
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 ซึ่งได้สอบพยานบุคคล และคำให้การในส่วนนี้ต้องมีรายละเอียดที่ต้องเชื่อมโยงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งพยานวัตถุและพยานเอกสาร ซึ่งผู้เสียหายต่างๆรู้จักเพียงชื่อเล่น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อมูล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนทุกมิติ
อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , สคบ. , ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อกำชับสั่งการให้ทำคดีให้รวดเร็ว และได้พูดคุยหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง กระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลในเรื่องพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ เข้ามาให้แนวทางกับทางตำรวจ ทางดีเอสไอได้ให้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอดำเนินการในเชิงรุกสอบสวนควบคู่ไปกับตำรวจด้วย
สำหรับเกณฑ์ที่สำนวนจะเข้าสู่ดีเอสไอหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าทางดีเอสไอมีการดำเนินการอย่างเชิงรุก และทำการประสานกับทางตำรวจมาโดยตลอด ซึ่งวันนี้ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกับทางตำรวจด้วย
เมื่อถามว่าออกหมายจับได้หรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จะต้องรีบดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนให้รอบด้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ สำหรับการเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ได้ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวนมาช่วยดูเรื่องนี้ ทั้งนี้พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นในวันนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งได้มีการแยกประเภทของผู้เสียหายเพราะมีพฤติกรรมที่อาจจะเสียเงินไปไม่เท่ากันตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน โดยบางรายได้รับโปรโมชั่นในการไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศด้วย จะต้องนำมาพิจารณา
ส่วนกรณีที่นายวรัตน์พล ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อน ตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนจะต้องมีการซักถาม ชื่อนามสกุล ถิ่นที่อยู่ และต้องแจ้งรายละเอียดที่ผู้เสียหายได้มีการกล่าวโทษให้นายวรัตน์พลทราบ เมื่อทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายเสร็จสิ้นจะมีการปล่อยตัว
เมื่อถามว่าหากปล่อยไปอาจจะมีการหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า เนื่องจากยังไม่พบพฤติการณ์ว่าจะมีการหลบหนี
ส่วนเรื่องการออกหมายจับกับผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และดาราคนอื่นที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหา คือ บอสพอล ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งการออกหมายจับในตอนนี้ยังทำไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารโดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคล ซึ่งแต่คนละคนมีพฤติการณ์ที่แตกต่างกันไป รวมถึงการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามจะหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเชื่อมโยงของบริษัทฯ เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดใด และยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนยังตรวจพบว่ามีบุคคลของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป บางรายมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกด้วย
ส่วนกรณีที่ผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนถูกออกหมายเรียกนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคหนึ่ง เมื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนถึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป
ส่วนที่มีการเพ่งเล็งว่าบอสพอล เป็นคนไทยหรือไม่นั้น ในส่วนนี้จะต้องมีการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อไปดูรายละเอียดที่มาของบัตรประชาชนของเจ้าตัว และในส่วนที่มีกระแสข่าวว่า บัตรประชาชนของบอสพอลมีเลข 5 นำหน้า จะต้องไปถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมาชี้แจงในกรณีนี้
เมื่อถามว่าหากปล่อยตัวไปผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไม่ จะสามารถขอหนังสือเดินทางไว้เพื่อป้องกันการหลบหนีหรือไม่พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะให้เอกสารดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่พบพฤติการณ์ในการหลบหนี
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี