มรสุมคลุมภาคใต้
อุตุฯเตือนให้รับมืออุทกภัย
ยะลาน้ำป่าซัดบ้านพัง/ดับ1
ปภ.สรุปสถานการณ์น้ำท่วมเหลือ 13 จังหวัดในภาคกลาง–ภาคเหนือยังจม เร่งช่วยเหลือ 4.9 หมื่นครัวเรือน ขณะที่เตือนภาคใต้รับมือฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วม
น้ำป่า ดินถล่ม ที่ จ.ยะลา ฝนที่ตกหนักติดต่อกันทำให้เกิดน้ำป่าพัดบ้านชาวบ้านพังไหลไปกับน้ำ ลุงวัย 66 ปีเสียชีวิตเกิดดินสไลด์ถนนพังหลายจุด
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสรุปสถานการณ์น้ำท่วมระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-12 ตุลาคมว่า เกิดสถานการณ์ น้ำท่วมใน 46 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 281 อำเภอ 1,245 ตำบล 6,488 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 254,734 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 53 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน
ปภ.รายงานอีกว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิษณุโลก นครสวรรค์ สุโขทัย ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 56 อำเภอ 293 ตำบล 1,455 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,724 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ รวม 7 จังหวัด ภาคกลาง 6 จังหวัด
เตือนใต้ฝนถล่มน้ำป่าท่วมฉับพลัน
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นตอนเช้า สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนโดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
เหนือ-อีสาน-กลางอากาศเย็น
พยากรณ์อากาศถึงเวลา 18.00 น.วันที่ 13 ตุลาคม ภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ส่วนมากบริเวณจ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นตอนเช้าทางตอนบนของภาค มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 บริเวณจ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส
ใต้-ตอ.-กทม.ฝนฟ้าคะนอง70%
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ฝนตกหนักบางแห่ง
ลดระบายน้ำเขื่อนเข้าพระยา
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. และ ศปช. ส่วนหน้าจังหวัดเชียงรายแถลงหลังประชุม ศปช.ว่า จากปริมาณฝนและจำนวนน้ำที่ไหลผ่านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.2 นครสวรรค์ 2,225 ลบ.ม./วินาที และการระบายน้ำ 2,002 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มดีขึ้น ที่ประชุม ศปช.วันนี้ จึงปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาลง เหลือ 1,950 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่า และสมดุลกับสถานการณ์น้ำหนุนช่วงวันที่ 13–24 ตุลาคม ซึ่งการปรับลดการระบายน้ำดังกล่าว ส่งผลดีต่อพื้นที่ วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี, อ.เมือง, อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และวัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง
ภาคใต้ฝนหนักระวังน้ำป่าดินถล่ม
นายจิรายุกล่าวต่อว่า ช่วงนี้มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มได้ และขอแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่มในพื้นที่ลาดชัน โดยเฉพาะที่ เวียงสระ พระแสง บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เบตง ธารโต จ.ยะลา รวมทั้งเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่งช่วง 13-17 ตุลาคม ยังต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันน้ำล้นตลิ่งและบริเวณชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทันบริเวณ จ.กาญจนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ
แม่สายบิ๊กคลีนนิ่งต่อเนื่อง
สำหรับความคืบหน้าแผนฟื้นฟูจ.เชียงรายนั้น นายจิรายุเผยว่า มีความคืบหน้ามาก เมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ในฐานะประธาน ศปช.ส่วนหน้า จ.เชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม Big Cleaning ล้างฝุ่นบนถนน (พหลโยธิน) หน้าด่านพรมแดนแม่สาย เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้ชาวแม่สาย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหลังเหตุการณ์อุทกภัย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อ.แม่สาย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและบ้านเรือนกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
ส่วนความคืบหน้าการรฟื้นฟูในอ.เมืองเชียงราย เป้าหมาย 1,367 ครัวเรือน ดำเนินการแล้ว 1,315 ครัวเรือน อยู่ระหว่างดำเนินการ 52 ครัวเรือน คิดเป็นความคืบหน้า 96% และฟื้นฟูในอ.แม่สาย เฟส 2 กิจกรรมการฟื้นฟูล้างทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบ 819 ครัวเรือน ช่วยเหลือแล้ว 598 ครัวเรือน อยู่ระหว่างดำเนินการ 221 ครัวเรือนคิดเป็น 73%
เล็งใช้AIบริหารจัดการน้ำทั้งปท.
นายจิรายุ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)ว่า มีการมอบหมายภารกิจให้กนช.ดำเนินการ 3 ประเด็นวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำทุกวัน เตรียมรับมือกับปัญหาภัยเเล้ง ที่จะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในประเทศไทย หลังสิ้นเดือนตุลาคม โดยเฉพาะการกักเก็บน้ำในเขื่อนให้เพียงพอสำหรับฤดูแล้งที่จะถึงนี้ แก้ปัญหาน้ำท่วมระยะกลาง- ระยะยาว โดยเฉพาะการป้องกันสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือปีหน้า และปีต่อไป และให้ความสำคัญตามข้อเสนอของรมว.เกษตรฯในการจะพิจารณาให้นำเทคโนโลยี AI มาใช้บริหารจัดการข้อมูลเรื่องน้ำของประเทศ เพื่อใช้ประกอบตัดสินใจของฝ่ายบริหารสำหรับการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพ
น้ำป่ายะลาซัดลุงวัย66ดับ
ที่อำเภอเบตง และอำเภอธารโต จังหวัดยะลา เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ถนนพังหลายพื้นที่รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ พื้นที่ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง เมื่อเวลา 20.00 น. นายอาหะมัด ยามาผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.อัยเยอร์เวง พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านลงพื้นที่สำรวจเส้นทางและสำรวจปริมาณน้ำตามเส้นทาง ทางเข้าบ้านธารมะลิ เนื่องจากฝนตกหนักตั้งเเต่ช่วงเย็น จากการสำรวจ พบมีดินสไลด์ทับเส้นทาง มีถนนขาดในหมู่บ้าน และมีบ้านไหลไปกับน้ำ 2 หลัง และมีลูกบ้านติดบนต้นไม้ 3 คน มีลูกบ้านไหลไปกับน้ำ 1 คน ต่อมาพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อนายกอเดร์ อายุ 66 ปี ส่วนสมาชิกในครอบครัวอีก 6 คน หนีออกมาได้และไปอาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน เข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ต.แม่หวาด อ.ธารโต บริเวณสะพานสามแยกเทศบาลตําบลคอกช้างเส้นทางสายเก่าที่เข้า – ออก อำเภอเบตงเกิดดินทรุดตัว รถยนต์ รถจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ 1 จุด ส่วนที่กำแพงกันดินริมคลองคอกช้างถล่ม 1 จุด ไม่กระทบบ้านเรือนประชาชน
ยอดดอยอินทนนท์9องศา
วันเดียวกัน เพจอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า เช้าวันนี้ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อุณหภูมิลดต่ำสุด 9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิแตะเลขหลักเดียวครั้งแรกของปลายฝนต้นหนาวของปีนี้ คาดว่าวันนี้ยอดดอยอุณหภูมิสูงสุด 18 องศาฯ กิ่วแม่ปาน อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา สูงสุด 18 องศา ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุณหภูมิต่ำสุด 16 องศาฯ สูงสุด 25 องศาฯ ส่วนจุดชมวิวชมแสงแรก รับอรุณสัมผัสไอหนาวแลทะเลหมอกกิ่วแม่ปานวัดได้ 12 องศาเซลเซียส ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม. 31 วัดได้ 16 องศาเซลเซียส กำลังเย็นสบายๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี