ไร้เงา 7 จำเลย!!! ศาลนราธิวาสเลื่อนนัดสอบคำให้การคดีตากใบ ขีดเส้นให้โอกาสมอบตัวก่อนเที่ยงคืน 25 ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันที่คดีหมดอายุความ พร้อมนัดประชุมคดีใหม่วันที่ 28 ต.ค. เผยออกหมายจับ ‘พล.อ.พิศาล’เเล้วหลังสภาเเจ้ง รธน.ปัจจุบันไม่รับความคุ้มกัน ส่งหนังสือสอบถามหน่วยงานประเด็น คืบหน้าจับกุมตัว สส.พรรคประชาชนเเถลงกลางศาล หากคดีขาดอายุความจะกระทบสถานการณ์ในพื้นที่
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 ตุลาคม 67 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีสลายม็อบตากใบ หมายเลขดำที่ อ 578/2567 ที่นางสาวฟาตีฮะห์ ปะจูกูเล็ง ที่ 1 กับพวกรวม 48 คน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและอดีตเเม่ทัพภาค 4 กับพวก รวม 9 คน เป็นจำเลยในความฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย, พยายามฆ่า, หน่วงเหนี่ยวหรือกักชัง, ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย,เสรีภาพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 78 คน
ทั้งนี้ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลมี ในส่วนจำเลยที่ 1,3-6 และ 8,9 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงเเก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,83 มาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา เละให้ยกฟ้อง ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขื่นใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นรับอันตรายสาหัสโดยกระทำทารุณโหดร้าย ส่วนจำเลยที่ 2 เเละ 7 ให้ยกฟ้องทุกข้อหา
โดยวันนี้ศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณาเวลา 11.00 น.เนื่องจากรอจำเลยที่ 1,3-6,8,9 มาศาล เเต่ปรากฏว่าไม่มีจำเลยคนใดมาศาล เพื่อสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐานกำหนดวันนัดสืบพยาน และติดตามผลการจับกุมจำเลยที่ 3-6 และที่ 8,9 และฟังผลการขออนุญาตจับกุมจำเลยที่ 1 ต่อสภาผู้แทนราษฎรวันนี้
ศาลสอบพนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 8 และที่ 9แถลงว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากจำเลยทั้งสอง
ศาลจึงแจ้งให้คู่ความที่มาศาลทราบแล้วว่า จากนัดที่แล้ว จำเลย3-6,8,9 ยังไม่มาปรากฏตัวต่อศาล และศาลได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจศาล พนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานตำรวจว่า ยังจับกุมจำเลยไม่ได้
ส่วนพล.อ.พิศาล จำเลยที่ 1 ศาลมีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรอนุญาตให้จับจำเลยที่ 1ในนัดที่แล้วนั้น สภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือ ลงวันที่ 24 กันยายน2567 ตอบกลับมา ศาลได้รับสำเนาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม2567 โดยสภาผู้แทนราษฎรยอมรับว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในชั้นพิจารณาของศาล ระหว่างสมัยประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาไม่มีรับความคุ้มกันใด ๆ รวมทั้งจากการจับและการคุมขังในคดีอาญาศาลจึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ไว้แล้ว และยังไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจศาล พนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานตำรวจว่าสามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวให้คู่ความที่มาศาลฟังแล้ว
ทั้งนี้เมื่อในวันนี้ไม่มีตัวจำเลยมาศาลตามนัด ศาลจึงไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องเลื่อนคดีออกไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยมาเสียก่อนศาลแจ้งให้คู่ความที่มาศาลทราบว่า หากตัวความ ญาติผู้ตาย หรือญาติผู้เสียหายประสงค์จะแถลงการณ์ด้วยวาจาในเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ก็สามารถกระทำได้ และศาลจะบันทึกไว้ให้
ส่วนทนายความของทั้งสองฝ่าย และตัวความ ญาติผู้ตาย หรือญาติผู้เสียหายและตัวแทนที่ประสงค์จะยื่นคำแถลงการณ์เป็นลายลักอักษร ก็ให้ยื่นได้ภายในนัดหน้า
ด้านนายมูฮำมะซาวาวี อุเซ็ง ญาติโจทก์ที่ 3 แถลงการณ์ด้วยวาจา 1 ราย ส่วนนายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.พรรคประชาชนแถลงว่า ได้ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้น มีความหวังมาตลอดว่าจะได้ตัวจำเลยในคดีมาศาล และเห็นด้วยว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่และกระบวนการสันติภาพ หากคดีขาดอายุความ จะมีผลกระทบต่อสถาบันของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และตัวประชากรโดยตรง ไม่คาดคิดว่า คดีนี้จะสามารถดำเนินมาได้ถึงขั้นนี้ และเชื่อว่าจะต้องมีการดำเนินต่อไปโดยกลไกอื่น และขอขอบคุณความกล้าหาญของชาวบ้านที่ดำเนินคดีนี้ฃ
ทนายโจทก์ที่ 8 และที่ 37แถลงขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานเอกสารตามบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ลำดับที่ 2 เนื่องจากในขั้นตอนไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเคยมีหมายเรียกไปแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดผู้ครอบครองเอกสารปฏิเสธไม่ส่งเอกสารดังกล่าวมาให้ และเห็นว่าเอกสารนี้จำเป็นที่ต้องใช้ในการตรวจพยานหลักฐาน
ศาลพิเคราะห์เอกสารดังกล่าวแล้วเห็นว่า ศาลเคยมีหมายเรียกในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง บัดนี้การไต่สวนมูลฟ้องเสร็จสิ้นแล้ว และในนัดหน้าศาลยังไม่ได้กำหนดไว้เป็นวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องหมายเรียกเอกสารดังกล่าว
ทนายโจทก์ที่ 35แถลงขอให้ศาลหมายเรียกพยานเอกสารตามบัญชีพยานลงวันที่ 7 มิถุนายน 2567ลำดับที่ 11 เนื่องจากในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หน่วยงานที่ครอบครองเอกสารส่งเอกสารมาให้ ไม่ครบ และทนายฝ่ายโจทก์ได้อ้างไว้เป็นพยานในชั้นพิจารณาด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้ว คดีล่วงพ้นการไต่สวนมูลฟ้องมาแล้ว และยังไม่ได้มีการนัดสืบพยาน กรณียังไม่มีความจำเป็นต้องหมายเรียกพยานเอกสารดังกล่าว
ทนายโจทก์ที่ 26 แถลงขอให้ศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานที่รับหมายจับไปปฏิบัติ รายงานผลการปฏิบัติตามหมายจับ จึงเห็นสมควรให้งานสารบรรณมีหนังสือไปสอบถามความคืบหน้าของการปฏิบัติตามหมายจับ ไปที่หน่วยงานที่ศาลมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามหมายจับ จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ตุลาคม นี้ เวลา 09.00 น.
ปิดประกาศที่หน้าศาล แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1,3-6,8,9 ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ศาลเลื่อนไปนัดสอบคำให้การในวันที่ 28 ตุลาคมนี้นั้น จะไม่กระทบกับเรื่องอายุความที่จะหมดลงในวันที่ 25 ตุลาคม2567 เนื่องจากหากจับกุมตัวมาส่งศาลได้ก่อนวันที่ 25 ตุลาคมเท่ากับว่าคดีจะไม่ขาดอายุความเเละสามารถนัดสอบคำให้การจำเลยได้ในวันที่ 28 ตุลาคมตามกระบวนการได้.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี