กรณีศึกษาเครือบริษัทดังที่กำลังเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ มีกฎหมายหลายฉบับที่น่าสนใจโดยเฉพาะกฎหมายฉบับหนึ่งที่บัญญัติไว้เพื่อควบคุมการทำธุรกิจขายตรงโดยเฉพาะคือพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
วัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าวเพื่อควบคุมการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ใช้วิธีการทำตลาดในลักษณะที่เข้าถึงผู้บริโภค หรือเสนอขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นโดยการขายสินค้าหรือบริการดังกล่าวอาจทำให้ผู้บริโภคอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจตัดสินใจตกลงซื้อสินค้าได้อย่างอิสระและรอบคอบ และยังมีลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคเช่นอาศัยสื่อออนไลน์ นอกจากนี้เพื่อควบคุมการชักชวนและจัดให้ประชาชนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในธุรกิจดังกล่าวโดยตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว อันอาจมีลักษณะเป็นการหลอกลวงประชาชน และทำให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม
นอกจากนี้ที่สำคัญกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการอุดช่องว่าง ของการกระทำที่อาจจะมีการเข้าข่ายเป็นลักษณะฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่ เนื่องจากในพฤติการณ์มักจะมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงรรูปแบบ เช่นกระทำการซื้อขายและส่งมอบสินค้ากันจริง ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นขาดองค์ประกอบกฎหมายเรื่องฉ้อโกงหรือฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่
ซึ่งกรณีศึกษาในกรณีดังกล่าวกับกรณีขายตรงและการตลาดแบบตรงจะมีบทบัญญัติสำคัญอยู่หลายมาตราดังนี้
นิยามของคำว่าขายตรงและการตลาดแบบตรง ถูกบัญญัติไว้ใน มาตรา 3 ใจความว่า
“ขายตรง” หมายความว่า การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติธุระ โดยผ่านตัวแทนขายตรงหรือผู้จำหน่ายอิสระชั้นเดียวหรือหลายชั้นแต่ไม่รวมถึงนิติกรรมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
“ตลาดแบบตรง” หมายความว่า การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทางและมุ่งหวังให้ผู้บริโภคแต่ละรายตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงนั้น ส่วนการซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ถือว่าเป็นตลาดแบบตรง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ความแตกต่างระหว่างขายตรงและตลาดแบบตรงคือในส่วนของขายตรงนั้นอาจจะมีลักษณะมีเครือข่าย ตัวแทนผู้จำหน่ายอิสระ ชั้นเดียว หรือหลายชั้น ส่วนการตลาดแบบตรงนั้นหมายถึงการค้าขายในระบบออนไลน์
ซึ่งเมื่อดูข้อความพื้นฐานในกฎหมายแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรแต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาต่อไปเช่นในมาตรา 19 จะเห็นว่า
มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น
จะเห็นได้ว่าในบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ห้ามมิให้มีการดำเนินการชักชวน บุคคลเข้าร่วมในเครือข่ายธุรกิจขายตรง หรือธุรกิจตลาดแบบตรงโดยตกลงจะให้ประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมสมาชิกหรือคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ ในอดีตเคยมีผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดีบางรายพยายามเลี่ยงการตีความว่า ผลตอบแทนนั้นได้จากการขายสินค้า ไม่ใช่ค่าสมัครสมาชิก
ซึ่งจะต้องพิจารณาในมาตราถัดไปประกอบด้วย คือ มาตรา 21 และมาตรา 22 เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจขายตรงด้วยซึ่งมีหลักสำคัญเช่น ต้องไม่บังคับให้ผู้จำหน่ายอิสระซื้อสินค้า ต้องไม่ชักจูงให้ผู้จำหน่ายอิสระซื้อสินค้าในปริมาณมากเกินไปอย่างไม่สมเหตุสมผล ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเป็นสมาชิกเข้าฝึกอบรมค่าวัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขายหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ เป็นต้น ดังนั้น การกระทำอื่นที่มีลักษณะเข้าข่ายการชักจูง บังคับซื้อสินค้าเกินความจำเป็น สต๊อกสินค้า เก็บค่าอบรม หรือใช้ภาษาเทคนิคต่างๆ เช่น dropship แต่ไม่ได้มีสินค้าตามจำนวนที่สั่งจริง หรือเก็บเงินค่าสินค้าเต็มจำนวนก่อนซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการ dropship การกระทำดังกล่าวจะผิดพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรงอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้ ซึ่งแม้จะหลุดพ้นจากกฎหมายอื่นแต่จะต้องรับผิดตามกฎหมายนี้แทน
นอกจากนี้ผู้จำหน่ายอิสระยังมีสิทธิ์ในการใช้สิทธิ์คืนสินค้าตามมาตรา 25 ด้วย “เมื่อผู้จำหน่ายอิสระใช้สิทธิคืนสินค้า วัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย ชุดคู่มือหรืออุปกรณ์ส่งเสริมธุรกิจที่ซื้อ
ไปจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรง ให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงซื้อคืนตามราคาที่ผู้จำหน่ายอิสระได้จ่าย ภายในระยะเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้จำหน่ายอิสระใช้สิทธิคืน แต่ในการใช้สิทธิคืนกรณีที่สัญญาตามมาตรา 23 สิ้นสุดลง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงมีสิทธิหักค่าดำเนินการได้ไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการประกาศกำหนด และมีสิทธิหักกลบลบหนี้ใดๆ อันเกี่ยวกับสัญญาตามมาตรา 23 ที่ผู้จำหน่ายอิสระจะต้องชำระได้”
ในส่วนของบทลงโทษตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีสภาพบังคับเป็นโทษทางอาญา หากการดำเนินการเข้าองค์ประกอบตามบทบัญญัติของกฎหมายข้างต้น โทษที่ผู้ประกอบการจะได้รับนั้นมีทั้งโทษปรับและโทษจำคุกสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี