ตร.สรุปข้อมูลผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน 9 วัน เข้าแจ้งความ 2,170 คน มูลค่าความเสียหาย 841 ล้าน ด้าน"บิ๊กอ้อ"สั่งบก.ปอศ. เข้าช่วยทำคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์และคริปโตอีกแรง ขณะที่ผลการอายัดทรัพย์สินเป็นรถหรู 24 คัน เงินสด 7.5 ล้านบาท นาฬิกา 51 เรือน และกระเป๋าแบรนด์เนมอีกจำนวนมาก ประมาณ 210 ล้านบาท ยอมรับผู้ต้องหาบางรายยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินไปบางส่วน ชี้จะโดนเพิ่มข้อหาฟอกเงินด้วย
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) แถลงความคืบหน้ากรณีจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่เป็นผู้บริหารระดับบิ๊กบอสของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ภาพรวมการรับแจ้งความของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจนถึงปัจจุบันใช้ระยะเวลา 9 วัน มีผู้เสียหาย 2,170 ราย มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท วันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้กำชับหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ให้รับแจ้งความโดยยึดต้นแบบของตำรวจสอบสวนกลางในการดำเนินการจัดทำศูนย์รับแจ้งความให้กับประชาชนทั่วทั้งประเทศ โดยเน้นย้ำว่าการรับแจ้งของประชาชนให้ถือเป็นเรื่องสำคัญจะไม่มีการบ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้งความโดยเด็ดขาด
หากมีกรณีการไม่รับแจ้งความจะมีการดำเนินการทางวินัยและจะมีการดำเนินการในด้านของการบริหารงานบุคคลอีกด้วย ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาที่ บช.ก. สามารถไปแจ้งความยังจุดที่อยู่ตามภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัยหรือจุดที่สะดวกในทุกท้องที่ ผู้เสียหายสามารถรวบรวมหลักฐานการโอนเงินข้อความแชทที่มีการติดต่อขอให้รวบรวมไว้และรีบดำเนินการมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนโดยเร็ว
"ขณะนี้ยังมีการรับแจ้งความอย่างต่อเนื่อง ส่วนระยะเวลาในการฝากขังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย 4 ฝาก 48 วัน เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ทัน หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยังประเมินกันอยู่ต้องดูพยานหลักฐานที่แสวงหามาได้ รวมถึงคำให้การของพยานบุคคลที่เข้ามาเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้มีการคัดแยกแบ่งผู้เสียหายออกเป็นกลุ่ม หากมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเรื่อย ๆ เชื่อว่าจะไม่กระทบกับรูปคดีและพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้"พล.ต.ต.โสภณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ บอสพอล ขอให้ปากคำเพิ่มเติม รวมไปถึงกระแสข่าวที่มีนอมินีให้เข้ามาแจ้งความจะเป็นการดึงเวลาให้ทำสำนวนล่าช้าหรือไม่นั้น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า เชื่อว่าสามารถทำได้ทันแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทาง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ในการสืบทรัพย์ และเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องคริปโต โดยได้มอบหมายให้ บก.ปอศ. ที่มีความชำนาญในเรื่องทำคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์และคริปโต ให้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือพนักงานสอบสวนด้วยอีกส่วนหนึ่ง
“เท่าที่ทราบทรัพย์สินที่ยึดมามีรถจำนวน 24 คัน เงินสด 7.5 ล้านบาท, นาฬิกา 51 เรือน, กระเป๋าแบรนด์เนมและสินค้าแบรนด์เนมมีจำนวนมาก โดยรวมสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 210 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง และยอมรับว่ามีผู้ต้องหาบางราย ได้ทำการยักย้ายถ่ายเท จำหน่าย ถ่ายโอนทรัพย์สิน ในส่วนนี้ก็จะมีความผิดเพิ่มเติมในเรื่องของการฟอกเงินด้วย” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่าดีเอสไอจะแย่งทำคดีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า มองว่าดีเอสไอเข้ามาช่วยในเรื่องของการสืบทรัพย์ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยดำเนินการทางคู่ขนานกัน หากหลังจากนี้พบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะส่งมอบให้ทางดีเอสไอ ทางตำรวจจะส่งสำนวนให้ทางดีเอสไอเอง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานร่วมกับ ปปง. ในการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการประสานให้ทางผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นสำนักอัยการสูงสุด, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค, อย. รวมไปถึงสรรพากรด้วย
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องลอตที่ 2 นั้น ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจจะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่งนั้น ตำรวจก็จะรับเรื่องตรวจสอบ แต่ขณะนี้ตัวเองยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดหลักฐานที่มีการแจ้งความ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี