คืนแรก 3 บอสดารานอนไม่หลับ
‘แซม-กันต์’เครียด
‘บอสมิน’ปรับตัวไม่ได้/กินน้อย
ฝากขัง‘บอสพอล’นอนคุก
เหยื่อร้องทุกข์ทะลุ 2 พันราย
พนักงานสอบสวนบก.ปคบ.คุมตัว “บอสพอล” ขออำนาจศาลอาญาฝากขังครั้งแรก-ค้านประกันตัว ศาลอนุญาตฝากขัง ทนายไม่ยื่นขอประกันตัว จนท.ราชทัณฑ์คุมตัวส่งเรือนจำฯทันที ด้าน “กรมคุก” เผยปฏิบัติตามขั้นตอนแรกรับ ผู้ต้องขัง 17 ราย พบ 5 ราย มีโรคประจำตัว เผย “บอสแซม-บอสกันต์” นอนไม่ค่อยหลับ ส่วน‘บอสมิน’ร้องขอเยี่ยมญาติ ยังปรับตัวไม่ได้ เครียดกินได้น้อย ด้านทนายตั้ม เชื่อแม่ข่าย-เมียบอส โดนคดีด้วย แต่ยังไม่รู้กี่คน รอง ผบช.ก.ยันให้ความเป็นธรรมทางคดีทุกฝ่าย ชี้ต้องทำคดีอย่างรอบคอบ ยังมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวถึงการดำเนินคดีกับนายวรัตน์พล วรัตน์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป กับบรรดาบอส รวม 18 คน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายหลังมีผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัทฯ แล้วเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ว่าเนื่องจากบอสพอล ได้ข้อให้ปากคำเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนจึงต้องสอบเพิ่ม และแล้วเสร็จช่วงค่ำวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงมีการคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังช่วงเช้าที่ผ่านมา
รองผบช.ก.ยันทำคดีรอบคอบ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่ประชาชนยังเกิดข้อสงสัยนั้น ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน โดยจะต้องทำงานอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด นอกจากนี้ยังมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสอบสวนจะทำตามใจหรือรีบร้อนเกินไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา
ชี้ไม่ได้ฟังแต่คำให้การบอสพอล
ผู้สื่อข่าวถามว่าคำให้การเพิ่มเติมของบอสพอล มีประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ทางตำรวจไม่ได้หวังพึ่งคำให้การจากผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยพยานเอกสารและคำให้การของผู้เสียหาย รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ที่จะใช้ประกอบสำนวนคดี ซึ่งหลังจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องสืบสวนเพิ่มเติม เพราะยังมีผู้เสียหายทยอยเข้ามาแจ้งความเรื่อยๆ ต่อข้อถามถึงการขยายผลไปยังนักการเมือง หรือข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รอง ผบช.ก.ตอบว่า ยังไม่ขอลงรายละเอียด ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ
พบเงิน8พันล้านถูกโอนออกไป
ขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าพบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ “โค๊ชแล็ป” ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ภายหลังตำรวจเข้าควบคุมตัวบอสพอล พร้อมบรรดาบอสที่เกี่ยวข้อง 18 คน ตามหมาจับศาล ต่อมาทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบริษัทเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ของ “โค้ชแล็ป” โปรแกรมเมอร์และผู้ดูแลระบบหลังบ้านของดิ ไอคอน พบว่าข้อมูลบางส่วนถูกย้ายออกไปแล้ว
พงส.ส่งตัวบอสพอลฝากขังศาล
ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้คุมตัวนายวรัตน์พล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เข้ายื่นคำร้องขออำนาจศาลอาญา ฝากขังเป็นครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 -29 ตุลาคมนี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานผู้เสียหายจำนวนมาก รอผลตรวจประวัติอาชญากร รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ
ค้านประกันตัว-หวั่นหลบหนี
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหาเป็นการร่วมกับผู้อื่นกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง มีผู้เสียหายจำนวนมาก จำนวนทุนทรัพย์สูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ทนายยังไม่ยื่นขอประกันตัว
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอล เปิดเผยว่า ยังไม่ยื่นประกันตัวบอสพอล คงรอให้ทางตำรวจได้สืบสวนสอบสวนและสอบปากคำผู้เสียหาย รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานไปก่อน เพื่อให้ศาลได้มั่นใจถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ว่าเราไม่ได้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนตัวมั่นใจว่ายังไงก็ต้องประกันได้ ส่วนประเด็นเรื่องเหล่าเทวดาต่างๆ นั้น บอสพอล ยืนยันว่าไม่รู้จัก เรื่องนี้ขอให้ตำรวจตรวจสอบเอง ขณะนี้ได้เน้นไปที่เรื่องคดีความ ได้ปรึกษากันในกลุ่มทนายของผู้ต้องหารายอื่น ยืนยันว่าไม่หนักใจกับคดี แต่ยอมรับว่าระหว่างทางของคดี เป็นสิ่งที่ทนายกังวลว่าผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวตอนไหน
เผยบอสพอลฝากให้ช่วยดูแลแม่
นายวิฑูรย์ ระบุว่า หากจะมีการยื่นขอประกันตัวบอสพอล หลังจากนี้ อาจจะต้องเพิ่มวงเงินจาก 2 ล้านบาท แน่นอน แต่ส่วนนี้ขอไม่ตอบรายละเอียดว่าจะหลักทรัพย์จะเป็นเท่าไรโดยบอสพอลเอง ได้ฝากความเป็นห่วงเรื่องต่างๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะขอให้ดูแลแม่ ซึ่งเราเป็นทนายในชีวิตเขาแล้ว ก็ต้องดูแล
ปัดไม่รู้เรื่องโอนเงิน8พันล้าน
สำหรับกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าพบมีการโอนเงินดิจิทัลสกุล USTD มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาทของนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป 1 ใน 18 ผู้ต้องหา ถูกโอนไปยังบัญชีวอลเลท 1 ชั่วโมงก่อนจะถูกจับกุมนั้น นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกความของตน หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ และไม่เคยทราบว่าลูกความตน มีสกุลเงินดิจิตอลอยู่หรือไม่ ส่วนประเด็นที่เรื่องนี้ได้ลุกลามไปถึงวงการพระสงฆ์ โดยเฉพาะท่าน ว.วชิรเมธี นั้น ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับบอสพอล เพราะแค่เรื่องคดีก็ไม่มีเวลาจะคุยเรื่องอื่นแล้ว แต่เชื่อว่าถ้าเขารู้ว่า ลุกลามไปถึงท่าน ว.วชิรเมธี เขาคงไม่สบายใจ ขนาดตนยังรู้สึกไม่สบายใจเลย
ราชทัณฑ์คุมบอสพอลส่งเรือนจำ
ต่อมาเวลา 11.45 น.ภายหลังศาลอนุญาตให้ฝากขังบอสพอล โดยทนายความไม่ประสงค์ยื่นขอประกันตัว ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้คุมตัวบอสพอล ขึ้นรถเรือนจำ เพื่อส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทันที ร่วมกับนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา และบรรดาบอสต่างๆ อีก 5 คน อาทิ บอสหมอเอก บอสโอม ฯลฯ ที่ไม่ได้ยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด
กรมคุกชี้ดำเนินการตามขั้นตอน
อีกด้านหนึ่ง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยถึงสภาพอาการของการนอนเรือนจำคืนแรกของผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้ง 17 ราย ทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง ว่าได้มีการดำเนินการในส่วนของกระบวนการแรกรับผู้ต้องขังใหม่ ทุกรายจะต้องทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ และเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ก่อนจะเข้าห้องกักโรคโควิด-19 คัดกรองโรคในระยะเวลา 5 วัน
พบ5ใน17รายมีโรคประจำตัว
นางกนกวรรณ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าในบรรดาผู้ต้องขัง 17 ราย มีผู้ที่มีโรคประจำตัว 5 ราย แต่เป็นอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ความดันโลหิตสูง 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างรอพบแพทย์เพื่อรับยาไปรับประทาน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องขังหญิง 1 ราย ที่ขออนุญาตแจ้งเรือนจำขอนำยารักษาโรคประจำตัว เข้ามา ในส่วนของบอสดารา ทั้ง 3 ราย คือบอสแซม บอสกันต์ และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ล้วนสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว หรืออาการเจ็บป่วยใดๆ ทางเรือนจำมีการเตรียมอาหารไว้ แต่ไม่มีใครรับประทาน
ชี้ผู้ต้องขังต่างมีอาการเครียด
นางกนกวรรณ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากที่มอนิเตอร์ภาพกล้องวงจรปิด ในส่วนของดาราสาวมิน-พีชญา ได้พูดคุยกับเหล่าบอสผู้หญิงรายอื่น ขณะที่บอสกัน และบอสแซม ทั้งคู่มีการพูดคุยกันแต่ไม่ได้คุยกับบอสผู้ชายรายอื่นเท่าไร สำหรับสีหน้าและอาการเครียดนั้น ยืนยันว่าผู้ต้องขัง มีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการเข้ามาในสถานที่ดังกล่าว อาจปรับตัวยาก ต้องใช้เวลา ส่วนการนอนหลับนั้น ทราบว่าพอนอนหลับได้บ้าง ขณะที่เรื่องทรงผมก็ต้องดำเนินการตามระเบียบ
บอสมินสอบถามเรื่องเยี่ยมญาติ
“ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ทั้งหมดได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ต้องขังหญิงได้รับประทานเมนูอาหารเช้า เป็นข้าวต้มเครื่อง และมีการสอบถามถึงหลักการ ขั้นตอนการเยี่ยมญาติ การซื้อของฝากของใช้ส่วนตัว การพบทนายความ ซึ่งราชทัณฑ์ได้ชี้แจงข้อมูลให้ทั้งหมดรับทราบแล้ว” นางกนกวรรณ กล่าวและว่า ในส่วนของมิน-พีชญา ได้สอบถามผู้คุมเรื่องการเยี่ยมญาติ การพบทนายความปรึกษาคดี และสั่งซื้อของฝากจากภายนอกผ่านใบรายการสั่งซื้อของเรือนจำฯ ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเปิดบัญชีเงินฝากของผู้ต้องขังทั้ง 17 ราย เพราะบัญชีจะมีไว้เพื่อการฝากเงินของญาติให้แก่ผู้ต้องขังไว้ซื้อของกินของใช้
แยกส่งผู้ต้องขังตามแดนแรกรับ
นางกนกวรรณ กล่าวถึงการเยี่ยมของทนายความผ่านระบบออนไลน์ว่า คือการเยี่ยมผ่านวิดีโอคอลไลน์ในห้องเยี่ยมทนาย ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เพราะทั้งหมดยังอยู่ในห้องกักโรคโควิด-19 จึงทำให้ผู้ต้องขังไม่ต้องเดินออกมาที่ห้องเยี่ยมดังกล่าว นอกจากนี้เมื่อผู้ต้องขังทั้งหมด ครบระยะเวลาการกักโรคก็จะถูกจำแนกไปยังแดนแรกรับของแต่ละเรือนจำฯ คาดว่าในส่วนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดนแรกรับอาจจะเป็นแดน 1 หรือแดน 4 ส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง จะเป็นแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งทั้งหมดจะใช้เวลาอยู่ในแดนแรกรับของเรือนจำฯ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินให้เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด
บอสแซม-บอสกันต์นอนไม่หลับ
ด้านนายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวว่า คืนที่ผ่านมา หลังจากรับตัวผู้ต้องหาชายทั้งหมด 10 คน ได้ทำตามขั้นตอนปกติเหมือนนักโทษทั่วไป โดยผู้ต้องขัง 2 ราย มีโรคประจำตัว คือบอสวิน ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีเอกสารการรักษาตัวและใบยา ชัดเจน ส่วนโค้ชแล็ป เป็นโรคไต มีใบเอกสารการรักษาและใบยา เช่นกัน ขณะเดียวกัน บอสดารา ทั้งบอสแซม และบอสกันต์ มีอาการเครียด นอนไม่ค่อยหลับ และร้องขอเจอญาติ แต่ยืนยันว่าต้องเป็นไปตามระเบียบ ยังไม่สามารถให้พบญาติได้ สำหรับอาหารการกินก็เป็นไปตามปกติของเรือนจำ
‘มิน’ปรับตัวไม่ได้ เครียดกินได้น้อย
ล่าสุด ทนายความของ น.ส.พีชญา หรือบอสมิน กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ขณะกักตัวควบคุมโรค 5 วัน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ว่า ยอมรับ “มิน” ยังปรับตัวไม่ได้ แต่กำลังใจดี ยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิด ตอนนี้รับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากเป็นโรคกระเพาะ เบื้องต้นติดต่อให้ญาตินำยามาให้แล้ว โดยมินไม่ได้ร้องขอพบใครเป็นพิเศษ เนื่องจากตอนนี้ญาติไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
นอกจากทนายที่สามารถวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้เท่านั้น ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ได้เจอเพียงทนายของผู้ต้องหาเท่านั้น ขณะนี้ผู้ต้องหาทุกคนยังไม่ได้ตัดผม เนื่องจากยังเป็นผู้ต้องขังใหม่ แต่ใส่ชุดนักโทษปกติ
ผบ.ตร.สั่งตั้งศูนย์รับแจ้งความฯ
วันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป โดยมี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.รวมถึงนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดย ผบ.ตร.สั่งการให้ บช.น.และ บช.ภ.1-9 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหาย ไม่ต้องเดินทางมายัง บก.ปคบ.พร้อมกับมอบหมายให้ ผกก.(สอบสวน) จัดพนักงานสอบสวนให้เหมาะสม เพียงพอ และให้รายงานผลการปฏิบัติแต่ละวัน ให้ทราบ
ผู้เสียหายแจ้งความทะลุ2พันคน
ด้าน พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.แถลงความคืบหน้ากรณีจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่เป็นระดับผู้บริหาร (บอส) บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป โดย พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ภาพรวมการรับแจ้งความในส่วนของ บช.ก.รวม 9 วัน ขณะนี้มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความแล้ว 2,170 ราย รวมมูลค่าเสียหาย 841 ล้านบาท โดยยังคงรับแจ้งความต่อเนื่อง สำหรับผู้ต้องหา 18 ราย ได้ขออำนาจศาล ฝากขังไปแล้ว ส่วนการสรุปสำนวนคดี ยังเป็นไปตามกรอบเวลา 4 ฝาก 48 วัน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนสามารถทำสำนวนได้ทัน
รองผบช.ก.ชี้แบ่งเหยื่อเป็นกลุ่ม
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า หากมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งพนักงานสอบสวนยังประเมินกันอยู่ ต้องดูพยานหลักฐานที่แสวงหามาได้ รวมถึงคำให้การของพยานบุคคลที่เข้ามาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้คัดแยก แบ่งผู้เสียหายออกเป็นกลุ่ม หากมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความอยู่ ก็จะไม่กระทบกับรูปคดีและพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้
ให้ปอศ.ร่วมสอบเรื่องเงินดิจิทัล
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวอีกว่า ทาง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ในการสืบทรัพย์ และตรวจสอบเรื่องคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งได้มอบหมายให้ บก.ปอศ.ที่มีความชำนาญในคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือพนักงานสอบสวนอีกส่วนหนึ่ง
“เท่าที่ทราบทรัพย์สินที่ยึดมาแล้ว มีรถยนต์หรู 24 คัน เงินสด 7.5 ล้านบาท นาฬิกา 51 เรือน สินค้าแบรนด์เนมจำนวนมาก รวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 210 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง และยอมรับว่ามีผู้ต้องหาบางราย ได้ทำการยักย้ายถ่ายเท จำหน่าย ถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยในส่วนนี้ก็จะมีความผิดเพิ่มเติมในเรื่องของการฟอกเงิน” พล.ต.ต.โสภณ กล่าว
เผยดีเอสไอร่วมสืบทรัพย์ในคดี
เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะแย่งทำคดีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า มองว่าดีเอสไอ เข้ามาช่วยในเรื่องของการสืบทรัพย์ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยดำเนินการคู่ขนานกัน หากหลังจากนี้พบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะส่งมอบให้ทางดีเอสไอ ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับ ปปง.และประสานอัยการสูงสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสรรพากร ด้วย
ยืนยันเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
รอง ผบช.ก.กล่าวถึงความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องลอตที่ 2 ว่าไม่ว่าจะเป็นดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจจะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่ง ทางตำรวจก็จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดของหลักฐานที่ถูกนำมาแจ้งความ
ทนายตั้มยันมีผู้ร่วมทำผิดแถว2
ที่รัฐสภา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวถึงการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวพันกับการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ซึ่งเป็นแถว 2 ต่อจากผู้ต้องหา 18 บอส ว่าจะเป็นใครบ้าง ว่าคงเป็นพวกแม่ข่ายที่ยังไม่ยอมไปแจ้งความร้องทุกข์บอสต่างๆ ทำให้ปรากฏชัดว่าเป็นขบวนการเดียวกัน ตนถึงบอกให้รีบไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ หนักจะได้เป็นเบา ถึงแม้จะไม่พ้นโทษแต่ตำรวจจะได้เห็น และหากหนักจริงๆ ก็อาจจะไปถึงพรีเซ็นเตอร์ต่างๆ ก็เป็นได้ แต่แม่ข่ายน่าจะโดนก่อน
เผยเมียบอสที่เป็นข่าวไม่น่ารอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรรยาของบอสคนหนึ่ง ที่ตกเป็นข่าวจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า ภรรยาของบอสบางคนน่าจะโดนด้วย เพราะมีการเชิญชวนคนอื่นตั้งคอร์สของตัวเองขึ้นมา เพื่อจะระดมคนเข้าไปสมัครในสายของเขา ดังนั้นค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยงเลย ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในแถวที่ 2
ยังไม่รู้แม่ข่ายถูกดำเนินคดีกี่คน
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ทางตำรวจที่ทำคดีนี้ เก็บความลับเก่ง เพราะดูจากการจับกุม 18 บอส ทั้งที่ตอนแรกเราแจ้งไปแค่ 6 คน ดังนั้นเขาค่อนข้างรักษาความลับได้ดี และคิดว่าจะทำให้มันสุดจริงๆ อย่างนั้นก็ให้รอดู เพราะตนก็เดาใจตำรวจไม่ออก ว่าเขาจะดำเนินคดีอีกกี่คนที่เป็นแม่ข่าย แต่คิดว่าน่าจะมีจำนวนมาก ส่วนเทวดาในหน่วยงานต่างๆ ตอนนี้คงจะเป็นเทวดาถ้าจะบ๊องส์ ไปแล้ว แต่เชื่อว่ายังจะพอมีฤทธิ์เดชอยู่บ้าง
เหยื่อที่สงขลาเผยเอาผิดถึงที่สุด
ที่ จ.สงขลา น.ส.แคท (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เจ้าของร้านทำเล็บ เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในเหยื่อบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป โดยเมื่อช่วงปี 2564 เห็นโฆษณาคอร์สขายของออนไลน์ในเฟซบุ๊ก สอนเปิดเพจ ยิงแอดของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จึงสนใจและได้เปิดบิลไป 250,000 บาท จากเงินเก็บที่ทำงานสะสมมาตลอด หวังจะเป็นร้านค้ารายใหญ่กับบริษัทฯ หรือเรียกว่าดีลเลอร์ แต่ธุรกิจไม่ได้เป็นดังที่หวัง แล้วมารู้ตัวอีกทีว่าถูกหลอกให้ลงทุน จนสินค้าที่ได้มา ไม่สามารถขายได้เลย ทั้งนี้ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา โดยจะดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
สำนักพุทธฯรายงาน’ชูศักดิ์’ปมท่านว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ.ในกรณีคลิปเสียงพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) เทศนาเชิงสนับสนุน โฆษณา “ดิไอคอนกรุ๊ป” และกรณีมีเอกสารปรากฏ ระบุผู้เขียน พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ในสื่อออนไลน์ มีลักษณะกล่าวถึงบุคคลที่ 3 อันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกพาดพิง และอาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน
ทั้งนี้ พศ.ได้แจ้งไปยัง พศ.เชียงราย แล้ว ว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ขอให้มีการตรวจสอบ ละหากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ พศ. เชียงราย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้รายงานมายัง พศ.เพื่อแจ้งให้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล รับทราบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี