“สิทธิในอาหารและระบบอาหารที่ยั่งยืน เพื่อการเข้าถึงอาหารสมดุลเพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน “Right to foods for a better life and a better future. Leave no one behind” คือ หัวข้อการขับเคลื่อนงานในปี 2567 เนื่องในวันอาหารโลก World Food Day” (16 ตุลาคม) ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organizationof the United Nations) หรือ FAO เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญอาหาร การเกษตรทั่วโลก รวมถึงปัญหาความอดอยากหิวโหยอันเกิดจากการจัดการและการกระจายอาหารที่ไม่สามารถทำให้ประชากรโลกทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการได้
นางสาวนวรัตน์ เฉลิมเผ่า ผู้ช่วยผู้แทน องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ FAO ประเทศไทย กล่าวว่า FAO มีวิสัยทัศน์ว่า อยากให้โลกมีความมั่นคงทางอาหารไม่อยากให้ใครอดอยากหิวโหย มีอาหารเพียงพอต่อการดำรงชีวิต อย่างมีสุขภาพที่ดี แต่ในรายงาน FAO ปี 2024 กลับพบว่าทั่วโลกมีประชากรที่อดอยากหิวโหย 733 ล้านคน และไม่สามารถเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอ 2,800 ล้านคน หรือ 40% ของประชากรโลก
ในส่วนประเทศไทย พบมีภาวะขาดแคลนอาหารอยู่ถึง 4 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบด้วยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร อันดับต้นๆ ของโลก มีความหลากหลายชีวภาพสูง แต่เนื่องจากอาหารมีมาก ก็ส่งออกมากด้วย อีกทั้งยังปรากฏความเหลื่อมล้ำของผู้เข้าถึงอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ หากไทยกำหนดทิศทางนโยบายที่ถูกต้องก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
FAO ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมการทำเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รณรงค์การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยมี 5 แนวทาง คือ 1.ความปลอยภัยทางอาหาร 2.รณรงค์การลดการสูญเสียอาหารโดยไม่จำเป็นตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งพบว่า อาหารจำนวนมากที่รับประทานจะต้องสูญเสียระหว่างทางไปมากถึง 30% ซึ่งในจำนวนนี้สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลกเลยทีเดียว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั่วโลกไม่ได้ผลิตอาหารน้อย แต่เพราะบริหารจัดการไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงต้องสูญเสียอาหารไปอย่างน่าเสียดาย 3.การผลิตอาหารที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม 4.กระจายรายได้ในภาคเกษตรอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม และ 5.การจัดการอาหารเพื่อรับมือภาวะวิกฤตและภัยพิบัติ
ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. ได้ดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายของ FAO ในปี 2024 ที่เน้นย้ำสิทธิในการเข้าถึงอาหารและอนาคตที่ดีสิ่งที่ภาคีและ สสส. เน้นมาตลอดคือ ผลิตอาหารที่เพียงพอ เป็นอาหารที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการผลิตเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ ตลอดจนส่งเสริมการจัดการระบบตลาดให้ถึงมือผู้บริโภค เป็นการทำงานทั้งห่วงโซ่อาหารทำให้ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงอาหารที่ควรจะได้ แต่ที่กำลังเริ่มดำเนินงานกับกลุ่มเปราะบางมากขึ้นคือ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านอาหาร เพราะว่า สสส. ดำเนินงานด้านโภชนการมาในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากปรากฏผลงานเรื่องโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม และงานเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน 6 เดือนแรก
“สสส. สานเสริมพลังภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างเสริมศักยภาพให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ดี ที่ปลอดภัย และถูกหลักโภชนาการ ทุกภาคีมีเป้าหมายการดำเนินงานร่วมกันประการหนึ่งคือการสร้างความรอบรู้ด้านการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ หรือ Food Literacy ในทุกมิติของการดำเนินงานด้านอาหารสุขภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารจะส่งผลให้เกิดวิถีการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสมดุล” ทพญ.จันทนา กล่าว
กุลวรางค์ สุวรรณศรี นักวิจัยนโยบาย ศูนย์พันธ์ุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวิภาพแห่งชาติ (Biotec) เปิดเผยถึงเรื่องความท้าทายการทำงานด้านความมั่นคงทางอาหาร การส่งเสริมระบบอาหารที่ยั่งยืนของประเทศไทย ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างประชากรที่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสูงทำให้ระบบอาหารเปลี่ยนไป นับเป็นความท้าทายการทำงานด้านความมั่นคงทางอาหาร และการส่งเสริมระบบอาหารที่ยั่งยืน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องมีนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มองรอบด้าน ที่สำคัญต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการรักษาความสามารถในการแข่งขัน และอยู่บนฐานความยั่งยืน ภายใต้การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสร้างความสามารถและความตระหนักรู้ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบอาหารตลอดสายโซ่อุปทานโดยเฉพาะผู้บริโภค
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางอาหาร เกิดภาวะอาหารไม่เพียงพอ ไม่สามารถเข้าถึงอาหารในชุมชน ซึ่งหมายรวมทั้งอาหารที่ปลอดภัย และอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการ เราเห็นได้ชัดว่าเมื่อเกิดน้ำท่วม ผลผลิตผักและผลไม้จะราคาแพงขึ้นไม่น้อยกว่า 20% อาหารที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้นจะต้องมีนวัตกรรมทางอาหารที่รองรับภัยพิบัติได้”นักวิจัยนโยบาย BioTec กล่าว
ในส่วนของรูปแบบการบริโภคอาหารเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นนั้น สมิทธิ โชติศรีลือชา กรรมการและประธานวิชาการสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิทธิในอาหารและระบบอาหารที่ยั่งยืนเพื่อการเข้าถึงอาหารสมดุลเพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นเป็นบทบาทของทุกคน เป็นสิทธิในการดำรงชีวิต การมีวิถีชีวิตสุขภาวะ และการมีคุณภาะชีวิตที่ดี ซึ่งการบริโภคอาหารเป็นเครื่องมือกำหนดอนาคตได้ ด้วยการตอบโจทย์สุขภาพจากอาหารที่กิน
หลักบริโภคอาหารง่ายๆ คือ กินอาหารสมดุลคือ อาหารที่กินแล้วไม่เป็นโรค กินแล้วสุขภาพดี ปลอดภัย กินได้ในระยะยาว และไม่เกิดโรคในอนาคต อาหารเป็นสิ่งยึดโยงเราเข้ากับสิ่งแวดล้อม อาหารที่จะมาถึงมือเราผ่านกระบวนการต่างๆ ทั้งมิตินิเวศวิทยา มิติสังคมและวัฒนธรรม ทำให้เรามีความหลากหลายมากขึ้น
ขณะที่ ดร.นุติ หุตสิงห ผู้ก่อตั้งเพจ TUCK the Chef เชฟนักวิทย์นำความรู้สู่ความอร่อยที่ดีต่อสุขภาพ กล่าวว่า เรามีสิทธิเข้าถึงอาหาร ก็ควรมีสิทธิบริโภคอาหารที่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน ไม่ใช่มีแต่อาหารทีปนเปื้อนสารเคมี ไม่ปลอดภัย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องปกป้องเราด้วย
การทำให้อาหารมีความปลอดภัย จะต้องเข้าใจโครงสร้างอาหาร การปรุงอาหารบางอย่างไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเลย เพียงแต่ต้องเข้าใจโครงสร้างอาหารเพื่อดึงสารหรือรสชาติธรรมชาติออกมาให้กลมกล่อม
“ประเทศไทยเด่นเรื่องการกินอาหารเป็นยา ในชุดสำรับกับข้าวของเราตอบโจทย์ได้หมด เช่น น้ำพริกกะปิผักต้มเราใช้น้ำพริกกะปิก็เผื่อลดความขม ฝาด เฝื่อนของผัก หรือแกงส้มของภาคใต้ใส่ขมิ้นกับพริกไทยดำ เพื่อให้เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร ดังนั้น สำรับอาหารของไทยมีความหลากหลายเกิดความสมดุลในแต่ละเมนูอยู่แล้ว” ดร.นุติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี