ตัดใจผกคอตาย
เครียด!เหยื่อดิไอคอนกรุ๊ปหมดตัว
ลูกโร่ขึ้นโรงพักแจ้งความ
ตร.เดินหน้าขอหมายจับ
ประเคนกลุ่มบอสแถว2
ปปง.อายัดเพิ่มอีก48ล้าน
บอสแถว 2 เอี่ยว “ดิไอคอน กรุ๊ป” มีหนาวตำรวจเตรียมออกหมายจับ ด้านปปง.มีมติสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน “ดิไอคอน กรุ๊ป” กับพวกเพิ่มเติม จำนวน40 รายการ มูลค่า 48.9 ล้านบาท ด้าน เหยื่อดิไอคอนเชียงรายแห่แจ้งความ พบมีผู้เสียหายรวม 62 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้าน พบขาดทุนย่อยยับจนบ้านแตก-ลูกต้องหยุดเรียน พ่อแขวนคอตาย
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นายวิทูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เปิดเผยว่า ได้ให้ข้อมูลกรณีปรากฏคลิปเสียงในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่ง นายวรัตน์พล ให้ข้อมูลว่าคลิปเสียงที่มีการเผยแพร่ดังกล่าวนั้นเป็นเสียงของบอสพอลจริง แต่ยืนยันว่าไม่เคยจ่ายสินบนให้หน่วยงานใด ตามที่มีการถูกกล่าวอ้าง ซึ่งในส่วนที่มีการพูดถึงเทวดานั้น ยืนยันว่าเทวดาที่หมายถึงคือเทวดาจริงๆ ไม่ใช่เทวดาบนโลกมนุษย์
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ตนได้เข้าไปสอบปากคำ บอสพอลด้วยตัวเอง และบอสพอลก็ยอมรับว่าเป็นเสียงตัวเองจริง มีการสนทนาจริง มีการคุยกันแล้วมี 2 คลิป คลิปแรกอ้างว่าทุกหน่วยงานมีเทวดาอารักษ์คอยปกปักรักษา แล้วคลิปที่ 2 เป็นคลิปบอสพอลคุยกับ นาย ส.
จ่อออกหมายจับผู้ต้องหาชุด2
ส่วนจะเรียกเข้ามาพบภายในวันไหน ขอดูพยานหลักฐานและข้อมูลก่อนกำลังดำเนินการ แต่เรามีไฟล์ที่กำลังดึงมาอีก เราต้องนำมาดูเพื่อประกอบการยืนยันให้ชัดเจนอีกที ส่วนจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เร็วๆ นี้หรือไม่นั้น ถ้ามีหลักฐานเราไม่ละเว้นใครอยู่แล้ว ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทาง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ตร. จะเรียกพนักงานสอบสวนประชุมสรุปพยานหลักฐาน เพื่อที่จะออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาในชุด 2 ในวันเดียวกันนี้
เร่งล่าคนขับรถส่วนตัว”บอสพอล”
สำหรับความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับที่ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป” อ้างว่าเคยบันทึกเก็บไว้จำนวนหลายคลิป ซึ่งเป็นคลิปเสียงการสนทนากับเหล่าบรรดานักร้องเรียนและนักการเมืองชื่อดังต่างๆ ในทำนองข่มขู่รีดไถเงินนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่
เบื้องต้นในวันที่จับกุม เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของ นายวรัตน์พล ไว้ได้ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำพวกฮาร์ดดิสก์บันทึกข้อมูลอีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ของทางตำรวจ บก.ปอท. เบื้องต้นในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว ยังไม่พบคลิปเสียงตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ จากแนวทางสืบสวนทราบว่า นายวรัตน์พล นั้นยังมีโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ปัจจุบันเก็บซ่อนไว้ที่ นายเอก ไม่ทราบนามสกุล คนขับรถส่วนตัว ซึ่งคาดว่าข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะคลิปเสียงนั้นน่าจะถูกบันทึกเก็บไว้ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาเพื่อเร่งพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว
เก็บพยานหลักฐานเข้าสำนวนเพิ่ม
สำหรับในวันที่จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวทั้ง 18 ราย มีการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ เบื้องต้นมีการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจวิเคราะห์หาข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วจำนวน 4 เครื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้าการคดีหลอกลงทุน แม้จะสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 18 รายได้แล้ว แต่ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังคงเร่งสอบปากคำพยานบุคคลอื่นๆ รวมถึงสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารการเงินมาเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบสำนวนให้มีความแน่นหนามากขึ้น
สอบปมโอนคริปโทเคอร์เรนซี8พันล.
ตามที่เลขาธิการ ปปง. มีคำสั่งที่ ย. 214/2567 และคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งที่ ย. 222/2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว จำนวน 12 รายการ รวมทั้งสิ้น 127,086,381.51 บาทนั้น เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานอันมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว และกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เลขาธิการ ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งที่ ย. 223/2567 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีนี้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝาก จำนวน 40 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 48,958,234.26 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการโอนคริปโทเคอร์เรนซี (USTD) มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานในคดีนี้นั้น สำนักงาน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการตรวจสอบความมีอยู่จริงของธุรกรรมดังกล่าว และหากพบการทำธุรกรรมนั้นจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ใครเอี่ยวมีโทษหนักทั้งจำ-ปรับ
สำนักงาน ปปง. ขอเน้นย้ำว่า ทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำ ด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอาจมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึง สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กลุ่ม“กันต์-แซม”ยอมกักโรคเพิ่ม
หลังจากวันที่ 18 ต.ค. มีการส่งตัว “บอสพอล” เข้าเรือนจำเป็นคนสุดท้าย วันนี้ นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ระบุว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เข้าไปตรวจในเรือนจำในส่วนของผู้ต้องขังใหม่ที่ส่งตัวมาเมื่อวานนี้ และมีการพูดคุยกับนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ในเรื่องของสิทธิ นอกจากนี้ยังได้สอบถามถึงบอสคนอื่นๆ ที่เข้ามาก่อนว่ายินยอมให้บอสพอลเข้ามากักโรคด้วยหรือไม่ ทั้ง 10 บอสก่อนหน้านี้อนุญาตให้บอสพอลเข้ามากักตัวด้วย และยินดีกักตัวเพิ่มเป็น 6 วัน โดยเริ่มนับหนึ่งใหม่พร้อมกับบอสพอล เพื่อความอบอุ่นใจและความปลอดภัยของผู้ต้องขัง โดยทางญาติและเพื่อนจะสามารถเยี่ยมได้อีกทีในวันที่ 23 ต.ค.นี้ แต่ทนายความสามารถเยี่ยมได้ทันทีโดยผ่านการคอนเฟอเรนซ์
กลุ่มบอสเครียด-แพทย์ดูแลใกล้ชิด
ทั้งนี้ บอสพอลที่ถูกคุมขังคนสุดท้าย รับประทานอาหารได้เล็กน้อย ทั้งบอสพอลและบอสคนอื่นๆ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนมีอาการเครียดและกังวลเป็นปกติ โดยมีนักจิตวิทยา และพยาบาลเทคนิค ดูแลอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่าในการกักโรครวมกัน ผู้ต้องขังสามารถพูดคุยกันในเรื่องของคดีได้หรือไม่ นายปราโมทย์ ตอบว่า ผู้ต้องขังตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี ยังไม่มีคำพิพากษาจากศาลถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถพูดคุยกันได้ในการต่อสู้คดี แต่ต้องห่วงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะดาราหรือคนมีชื่อเสียงเข้ามาในเรือนจำ เป็นปกติที่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ จึงต้องมีการเฝ้าระวังตลอดเวลา โดยมีกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชม. คอยสังเกตอาการและความปลอดภัย ตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่พบมีทนายความของบอสคนไหนเข้าเยี่ยม เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด
แจง”เมธี”ไม่ได้โอบกอด”กันต์-แซม”
ส่วนกรณีเพจ “คุยกับณชิตเมธี” ออกมาโพสต์ “กันต์และพี่แชม กอดคุณเมธีใหญ่เลย ฯลฯ″ และล่าสุดได้ออกมาเฉลยที่นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือ นายณชิต อำนาจเดชานนท์ ซึ่งได้รับโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถพบเจอกับกลุ่มของ “บอสดิไอคอน” ได้เนื่องจากนายเมธี เป็นผู้ช่วย-สายตรวจ อยู่แดน 2 (กักกันโรค) โดยเจ้าตัวอยู่มา 5 เดือนแล้ว ทำให้ต้องเจอนักโทษที่เข้ามาใหม่ทุกวัน ทั้งนี้ มีทีมแอดมินเพจดังกล่าวดูแลและเปิดเผยชีวิตความเป็นอยู่ในเรือนจำ
นายปราโมทย์ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบกลุ่มบอส ดิไอคอน เป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่อยู่ระหว่างกักโรค 5 วัน หรือห้องกักโรคโควิด-19 จะอยู่อาคารเดียวกันกับแดน 2 ที่นายเมธีถูกคุมขังอยู่ โดยลักษณะอาคารมี 2 ชั้น ห้องกักโรคโควิด-19 จะอยู่ข้างบนซึ่งมีหลายห้อง ส่วนแดน 2 อยู่ข้างล่าง จะมีช่องว่างตรงกลางอาคาร ซึ่งผู้ต้องขังชั้น 1 และ 2 สามารถเห็นหน้าตากันได้อยู่บ้าง หรือโบกมือให้กัน แต่การพูดคุยต้องตะโกนถึงจะได้ยินกัน และไม่สามารถใกล้ชิดผู้ต้องขังใหม่ได้ตามมาตรการป้องกันโควิด-19
“เมธี กับ กันต์-แซม คงรู้จักกันในวงการบันเทิง อาจมีการทักทายกันบ้างแต่ไม่ถึงกับโอบกอดกันได้ เพราะห้องกักโรคจะอยู่เฉพาะผู้ต้องขังใหม่ ส่วนคนอยู่แดน 2 ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ได้เลย” นายปราโมทย์ กล่าว
“มิน”ดีขึ้น เริ่มปรับตัวได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา รักษาราชการแทน ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ถึงอาการของ “มิน พีชญา” หลังจากเมื่อวานนี้รับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากเป็นโรคกระเพาะ โดย ผอ. ระบุว่าได้มีการให้ยาแก้ปวดท้องไปแล้วมีอาการดีขึ้น สามารถรับประทานข้าวได้ จากการสังเกตอาการของมิน และบอสคนอื่นๆ ยังคงมีความวิตกกังวลเป็นปกติ แต่ว่าคืนที่ 2 ทุกคนสามารถปรับตัวได้ แต่ต้องมีการเฝ้าระวังกันต่อไป
กลุ่มบอสหญิงมีลุ้นเจอ“แม่ตั๊ก”
เมื่อถามว่า หากบรรดาบอสหญิงทั้งหมดครบกักโรควิด-19 เรียบร้อยแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้เจอกับ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก ในแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดี รองโฆษกกรมฯ กล่าวว่า มีโอกาสเจอกัน เนื่องจาก น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ถูกควบคุมตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการเครียดลงกระเพาะ แพทย์ประจำเรือนจำฯ ตรวจร่างกายและมีความเห็นส่งตัวเข้ารักษายังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 ต.ค. กระทั่งวันที่ 18 ต.ค.มีอาการดีขึ้นแพทย์จึงส่งหนังสือให้ไปรับกลับแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดี จึงทำให้มีสิทธิที่บอสหญิงทั้งหมดจะได้เจอกับแม่ตั๊ก
เหยื่อในตปท.ร้องปคบ./สูญ20ล.
พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังจากรับเอกสารแล้ว ก็จะพิจารณาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่าการแจ้งความสามารถดำเนินการได้ไม่มีกำหนด แต่จะย้ายจากตึกอาคารพิทักษ์สันติ เป็นตึกศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยยอดผู้เสียหายทั่วประเทศขณะนี้มีกว่า 2,500 คน
ล่าสุด ปปง.อายัดทรัพย์สิน คดีดิไอคอนกรุ๊ป เพิ่มเติม 40 รายการ รวม 48 ล้านบาท มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน มีทั้งทรัพย์สินประเภทหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝาก พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางโอน คริปโทเคอร์เรนซี มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐาน อันมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า อาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว
เหยื่อไอคอนกรุ๊ปผูกคอตาย
พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละสถานีทั่ว จ.เชียงราย เปิดจุดรับแจ้งความให้ผู้เสียหายกรณีคดี บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าทั้งจังหวัดเชียงราย พบมีผู้เสียหายรวม 62 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท
โดยทาง สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย มีผู้เดินทางไปแจ้งความแล้วจำนวน 10 ราย โดยเป็นผู้เดินทางไปแจ้งความ 7 ราย และแจ้งความทางออนไลน์ 3 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกันประมาณ 4.2 ล้านบาท และมีอยู่รายหนึ่งที่เสียหายมากที่สุดกว่า 3.5 ล้านบาท โดยกรณีที่เสียหายมากที่สุดเป็นชายอายุ 56 ปี ถึงขั้นขายบ้านและรถ ทำให้ครอบครัวแตกแยก เป็นเหตุให้ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวก่อเหตุแขวนคอตายที่วัดใกล้บ้านของตัวเองมาแล้ว
พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ กล่าวว่า ตามคำสั่งของ ตร.และ ผบช.ภ.5 รวมถึง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ทำให้ตำรวจทุกสถานีเปิดศูนย์รับแจ้งความเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนโดยไม่ต้องเดินทางไปแจ้งความที่ตำรวจสอบสวนกลาง ทำให้มีการจัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับเรื่องอย่างเต็มที่
โดยนายกาน (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี บุตรชายของผู้ลงทุนที่เสียชีวิต กล่าวว่า บิดาของตนนำเงินไปลงทุนกับธุรกิจของดิไอคอน ตั้งแต่ปี 2560 โดยเคยถ่ายภาพคู่กับบอสพอลและทำกิจกรรมต่างๆ กับบริษัทมากมาย ทำให้จากที่เคยมีเงินเก็บและรถยนต์ถึง 3 คัน ปรากฎว่าทรัพย์สินเริ่มหมดลงและมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนใครอบครัว เกิดปัญหาทางการเงินและน้องสาวของตนไม่สามารถเรียนต่อได้ สุดท้ายบิดาและมารดาของตนถึงขั้นหย่าร้างกัน จนทำให้ผู้เป็นบิดาไปอาศัยอยู่กัพระที่วัดใกล้บ้าน ก่อนจะก่อเหตุแขวนคอเสียชีวิตเมื่อเดือน เม.ย.2563 ในที่สุด ขณะนั้นตนยังเรียนหนังสืออยู่จึงไม่ทราบเรื่องราว จนกระทั่งเกิดกรณีดิไอคอน ทำให้ตนเริ่มรับทราบว่าบิดาเคยไปลงทุนกับบริษัทนี้ดังกล่าว ตนจึงเริ่มรวบรวมหลักฐานและเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนนคดีให้ถึงที่สุด และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่่รับแจ้งความในพื้นที่ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี