“ทวี”หวังปาฏิหาริย์ รวบตัวผู้ต้องหาคดีตากใบ ขึ้นศาลทันอายุความ ขณะที่ ผบ.ตร.เผย เข้าตรวจค้น 29 ครั้ง เฝ้าจุดระวังติดตามกว่า 180 ครั้ง แต่จำเลยล่องหนยันทำเต็มที่ “สว.อังคณา” จี้“รัฐบาล” ออกพ.ร.ก.หยุดอายุความคดีตากใบ และเป็นความหวังครั้งสุดท้ายของผู้เสียหาย “ภูมิธรรม”โยนฝ่ายกฎหมายไปดูแล
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักวิชาการเสนอรัฐบาลให้ออกพระราชกำหนด (พรก.) ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อแก้ไขให้คดีตากใบไม่มีอายุความ เพราะจะหมดอายุในวันที่ 25ต.ค.ว่า ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาดูอยู่ทั้งหมดก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย เมื่อถามว่า ประเมินหลังวันที่ 25ต.ค.จะเกิดเงื่อนไขใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนว่าเงื่อนไขในภาคใต้มีอยู่ตลอด และอยากจะเรียนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐไทย ไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาล เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังรัฐบาลทำหน้าที่เต็มที่ แต่อย่าเอาเรื่องนี้มาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะจะสร้างปัญหาและกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐไทย
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ ว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีก 3 วัน ก่อนคดีตากใบจะหมดอายุความ ทางฝ่ายราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจพยายามที่จะทำงาน และหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ขณะที่กระทรวงยุติธรรมมีอำนาจจับกุมได้เฉพาะคดีพิเศษ แต่ได้ตั้งฝ่ายสืบสวนหลายคนเข้าไปช่วยสนับสนุนการสืบสวนข้อมูล โดยเราหวังว่าจะได้ตัวผู้ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะเราเห็นใจผู้เสียหายและประชาชน เนื่องจากความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีอาญา
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนเรื่องคดีความนั้นได้พิจารณา อาจต้องมีการแก้ไขหลายครั้ง และเวลาที่หยิบมาแก้ไขนั้นต้องไม่ใช่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งคดีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคนที่หนีหมายจับ ประมาณ 1,789 หมาย แต่ถ้าเป็นตัวบุคคล มีจำนวน 1,067 หมาย มีหมายซ้ำกัน 722 หมาย และส่วนใหญ่คนที่ถูกออกหมายจับนั้นไม่ใช่ข้าราชการ แต่เป็นบุคคลที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงหลบหนี และขาดอายุความ 140 ราย ทั้งนี้ขอย้ำว่าทุกหน่วยงานทำอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ขณะที่ตำรวจสากลจะประสานงาน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใด ก็ต้องนำตัวกลับมาให้ได้
เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าเรื่องนี้จะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่อง นี้จบไปแล้วด้วยซ้ำ แต่คนที่นำเรื่องขึ้นมาก็คือนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ที่นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ กรรมาธิการ และหลายพรรคเห็นว่าคดีนี้มี เรื่องของอายุความ จึงต้องมาศึกษาว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่จะได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีภายในอายุความหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ผู้ต้องหาไม่ฟังผู้บังคับบัญชา ญาติ ถ้าผู้ต้องหาคิดว่าอยากได้เสรีภาพ เขาก็ต้องออกไป เพราะรู้ว่าคดีมีอายุความ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปที่ตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อสอบถาม และสั่งการให้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับภายในอายุความ พร้อมออกวิทยุราชการกำชับกองบัญชาการ และภูธรจังหวัดติดตามผู้ต้องหาที่มีภูมิลำเนา และถิ่นที่อยู่ โดยการปฎิบัติให้แยกแยะออกเป็น 2 ส่วน คือด้านธุรการ ที่ได้รับหมายจับมา และลงในระบบ Crime รวมถึงมีการสืบจับ และเวียนหนังสือการสืบสวนติดตาม และประสานกับกองการต่างประเทศ เพื่อให้ออกหมายแดง ตามระเบียบปฏิบัติ อีกส่วนคือการปฏิบัติ ได้สั่งการด้วยหนังสือให้ติดตามจับกุมรวมแล้ว 29 ครั้งในการเข้าตรวจค้น ซึ่งตำรวจต้องมีกล้อง และปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นอกจากตรวจค้นแล้วยังสั่งการให้มีการเฝ้าจุด และติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อระมัดระวังการหลบหนีออกนอกประเทศ กว่า 180 ครั้ง เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ภายในอายุความ
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนคนไหนมีเบาะแส ให้แจ้งยังพื้นที่ เราพร้อมที่จะจับกุมทันที เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้ทำตามหน้าที่ที่เข้มข้นและจริงจัง ไม่ได้ปล่อยผ่าน ซึ่งจากข้อมูลทราบว่ามีบางคนที่หลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนจะมีการออกหมายจับ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าหลบหนีออกนอกประเทศ และยังเฝ้าติดตามอยู่ทุกวิถีทาง โดยภายในอายุความยังสืบสวนติดตามอย่างเข้มข้น เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดฝ่ายการเมืองมีการแก้กฎหมายเพื่อขยายอายุความคดีตากใบ ตำรวจมีมาตรการในการรองรับการจับกุมผู้ต้องหาอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังอยู่ในอายุความ มุ่งเป้าไปที่การสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา ซึ่งเน้นการตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ภายในอายุความ ส่วนประเด็นอื่นก็ขอให้ว่าไปในเรื่องกฎหมาย เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง และไม่อยากให้เชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง เพราะตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในการเดินหน้าปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งตนก็ย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกกองบัญชาการอยู่ตลอดว่า ”อย่าได้หยุดติดตามนะ“ ซึ่งมุ่งเน้นความสำเร็จ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเล่นละคร ซึ่งเรื่องที่ถามเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ส่วนราชการ หรือกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนตัวขอเพียงเดินหน้าติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ
เมื่อถามอีกว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทันก่อนคดีหมดอายุความ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะเอาตัวมาให้ได้. -419-สำนักข่าวไทย
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธาน คณะกรรมาธิการ) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาา ให้สัมภาษณ์ฯ ถึงแนวโน้มการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หยุดอายุความในคคีตากใบ ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลไปศึกษา พร้อมยอมรับอาจออกกฎหมายไม่ทันกับอายุความในคดีที่จะหมดลงในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ว่า ในกรณีเร่งด่วน รัฐบาลสามารถออก พ.ร.ก.ฯ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้เองเลย ขณะที่ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ยังมีการประชุมสาผู้แทนราษฎร ก็สามารถเสนอ พ.ร.ก.ฯ ได้ ที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่าไม่น่าจะทัน แต่ส่วนตัวตนคิดว่าทัน เนื่องจากเป็นกรณีเร่งด่วนสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ที่ไม่ทันเพราะเหตุใด นางอังคณา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่าไม่น่าจะทัน ตนก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดถึงไม่ทัน หากเตรียมการก็สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นเรื่องของการหยุดอายุความไว้จนกว่าจะสามารถนำตัวผู้ต้องหา หรือจำเลยมาปรากฎตัวต่อหน้าศาลได้ มันเหมือนเป็นความหวังสุดท้ายของผู้เสียหาย หากรัฐบาลหยุดชะลออายุความไว้ก่อน ยังเป็นความหวังว่า เขาจะได้รับความยุติธรรม แต่หากประตูตรงนี้ถูกปิด ก็ยังมองไม่ออกว่าถ้าหากผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่มาศาลฯ ภายในอีก 2วันกว่าๆ คดีก็จะหมดอายุความตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี