ตำรวจมหาสารคาม รวบคนร้ายก่อเหตุตระเวนลักแบตเตอรี่รถบรรทุก ตามแกะรอยเกือบ 1 เดือน แบตเตอรี่ถูกขโมย 36 ลูก คนร้ายสารภาพหาใช้หนี้ยาเสพติด
เมื่อวเลา 15.30 น.วันนี้ (27 ต.ค.67) ที่ห้องสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พร้อมด้วย พ.ต.ท.กฤษฎา นิติพจน์ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.ท.สุวันชัย สีทา สว.สส.สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมนายนิรุติ หรือ รุติ อายุ 35 ปี ชาวบ้านติ้ว ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม ภายหลังจากก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ ภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดมหาสารคาม เป็นแบตเตอรี่รถเกรดเดอร์ 2 ลูก และแบตเตอรี่รถบรรทุกน้ำ 2 ลูก รวม 4 ลูก
โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏ พบเป็นชายรูปร่างท้วม ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมประสาน ประชาสัมพันธ์ กับร้านรับซื้อของเก่าให้ช่วยสังเกตรูปพรรณสัญฐานของคนร้าย กระทั่งมีชายรูปร่างลักษณะปรากฏตามภาพนำแบตเตอรี่มาขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ทางร้านจึงได้ทำทีรับซื้อแบตเตอรี่ไว้ และขอข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมถ่ายภาพส่งให้กับเจ้าหน้าที่ กระทั่งนำมาสู่การจับกุมตัวคนร้ายในที่สุด
นายนิรุติ หรือรุติ สารภาพว่า ได้ตระเวนขโมยแบตเตอรี่โดยช่วงกลางวันได้มาดูลาดเลาไว้ และก่อเหตุส่วนใหญ่ช่วงกลางคืน โดยใช้คีมคลายน็อตออก และใช้เชือกผูกไว้กับรถจักรยายนต์ ส่วนสาเหตุที่ตระเวนก่อเหตุเนื่องจากหาเงินใช้หนี้ยาเสพติด ประมาณ 2,000-3,000 บาทพอขโมยแบตเตอรี่ได้เงินมาก็เอาไปใช้หนี้เค้า ขายแบตเตอรี่ได้เงินน้อย ก็เอาเงินไปให้เค้า ดีกว่าไม่ได้ใช้หนี้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปทำงานที่ร้านเช่าเต้นท์แห่งหนึ่งใน ต.เขวา อ.เมืองมหาสารคาม แต่ก็ถูกไล่ออก เพราะไปขโมยของของนายจ้าง
พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า ในห้วงเดือนกันยายน ต่อเนื่อง เดือนตุลาคมที่ผ่านมา สภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุตระเวนขโมยแบตเตอรี่รถบรรทุกทั้งรถ 6 ล้อ รถเครน รถบรรทุกตามไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งหมด 16 คดี มีแบตเตอรี่ถูกขโมยไป 36 ลูกโดยเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุ 14 คดีจาก 16 คดี ซึ่งผู้ต้องหาจะตระเวนก่อเหตุส่วนมากในช่วงเวลากลางคืน โดยตอนกลางวันจะตระเวนดูลาดเลาไว้ก่อน พอตกกลางคืนก็ลงมือก่อเหตุ ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ก็สามารถถอดแบตเตอรี่ออกไปได้จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผู้ต้องหาไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่เคยต้องโทษในคดีอาญา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดพบว่าขโมยแบตเตอรี่ไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพ
โดยที่บริเวณไซต์งานก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดมหาสารคาม ผู้ต้องหาได้เข้าไปขโมยแบตเตอรี่ถึง 2 ครั้ง รวม 10 ลูก เมื่อวันที่ 1 และวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้ขยายผลเพิ่มเติมว่าได้ก่อเหตุขโมยแบตเตอรี่ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ เป็นรถบรรทุก 6 ล้อดั้มจำนวน 2 ลูกและขโมยแบตเตอรี่รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ที่บ้านพักของประชาชนในพื้นที่ ต.เขวา อ.เมืองมหาสารคามจำนวน 2 ลูก ซึ่งแบตเตอรี่บางส่วนจะนำไปขายให้กับรถรับซื้อของเก่าแบบรถเร่ และตามร้านขายของเก่า ในราคาลูกละ 300 -500 บาทเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป ก่อนนำตัวพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคามเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายศักดิ์ชาย จำปางาม ผู้ประสานงานผู้ดูแลไซต์งานก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ที่ไซต์งานถูกคนร้ายเข้ามาขโมยแบตเตอรี่ถึง 2 รอบ รอบแรกวันที่ 1 ตุลาคม รอบที่ 2 วันที่ 8 ตุลาคม แบตเตอรี่หายไปรวม 10 ลูก มูลค่าความเสียหายประมาณ 50,000 บาทเป็นของรถเกรดเดอร์ 4 ลูก รถน้ำ 2 ลูก รถบด 4 ลูก ซึ่งก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะเข้ามาขโมยถึง 2 รอบ ซึ่งรอบแรกจอดไว้ข้างหน้า พอโดนขโมยไป ก็ได้นำรถเข้ามาจอดภายในบริเวณไซต์งานที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ จนนำไปสู่การจับกุม ซึ่งมูลค่าที่คนร้ายนำไปขายกับราคาซื้อแบตเตอรี่มือหนึ่ง ต่างกันถึง 10 เท่า คนร้ายเอาแบตไปขายได้ลูกละ 500 บาท แต่เราต้องซื้อแบตเตอรี่ใหม่ลูกละ 5,000 บาท อยากขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถทำงานได้รวดเร็ว และช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี