ผบ.ตร.สั่งสอบ"บอสตำรวจ"แล้วผิดอาญา-วินัยหรือไม่ ให้รายงานผลใน 2 วัน
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีบันทึกข้อความที่ 0001(ผบ)/16 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2567 เรื่อง ให้ดำเนินการกรณีข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ถึงพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส2) - เพื่อทราบและควบคุมกำกับการปฏิบัติ ผบช.ก. และ จตร.(หน.จต.) ใจความว่า
ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 โดยมีคลิปวิดีโอข้าราชการ ตำรวจมีพฤติกรรมพูดชักชวนให้กลุ่มบุคคลเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการพูดพาดพิง ถึง ตร. ในที่สาธารณะในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายและบั่นทอนจิตใจข้าราชการตำรวจในองค์กร จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
1.ให้ บก.ปคบ. ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวและเรียกตัวมาสอบสวนปากคำในทางคดีหากพบว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดหรือร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาในบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ให้ดำเนินการ ตามกฎหมาย โดยเคร่งครัด
2.ให้ จต. ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวว่า มีมูลกรณีการกระทำความผิดทางวินัยหรือไม่ อย่างไร แล้วรายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 26 ต.ค.67
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่มีนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ของจังหวัดสระบุรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทาง ดิไอคอน โดยทาง พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พ.ต.อ. ขณะนี้ได้เข้าไปรายงานตัวที่กองปราบปราม (กรุงเทพฯ) พร้อมเผยต่อว่าหลังจากที่สื่อหลายๆ สำนักได้มีการเผยแพร่ข่าวออกมาโดยมีการกล่าวถึง พ.ต.อ.ที่ไปร่วมกิจกรรมของ ดิไอคอน
ซึ่งทางตนเองได้เห็นแล้วพร้อมได้นำเรียนต่อ ผบ.ตร.ผู้บังคับบัญชาแล้ว โดยทาง ผบ.ตร.ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีการเชิญตัว พ.ต.อ.ไปพบยัง สำนักงานกองปราบปรามแล้ว ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการของทางตนเองนั้นตนเองได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงขึ้นปรากฏว่า ในขณะที่ทาง พ.ต.อ. ได้ไปขึ้นเวทีนี้มีเจตนาอย่างไร หรือทำธุรกิจขายตรงอย่างไร โดยการตรวจสอบจะต้องตรวจสอบในเรื่อง ความผิดที่มันคาบเกี่ยวกับคดีอาญาหรือไม่ หรือการที่ทาง พ.ต.อ.กล่าวถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงาน
โดยการตรวจสอบถ้าหากไปพบว่ามีความผิดในส่วนไหนก็จะดำเนินการในส่วนนั้นไปโดยได้ตั้งคณะกรรมการไว้เรียบร้อยแล้ว และให้รายงานผลภายใน 15 วัน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทราบว่าเกิดขึ้นในระหว่างที่ทาง พ.ต.อ. ปฏิบัติงานเป็น ผู้กำกับสอบสวน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และจะต้องเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนระดับ ตำรวจที่จะต้องพิสูจน์กันโดยตนเองไม่สามารถที่จะไปก้าวล่วงตรงนี้ได้ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงก่อน หรือหลังอย่างไร
ซึ่งหลังจากมีภาพข่าวออกมาตนเองก็ยังได้พูดคุยกับ พ.ต.อ. ซึ่งท่านก็บอกกับตนเองว่า ที่ทำลงไปนั้นมีเจตนาที่จะทำธุรกิจขายตรง และทำยอดจนได้ไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงนั้น แต่การพิสูจน์ทราบนั้นก็คงจะต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนและการสอบสวนทางกฎหมาย ซึ่งหลังจากการสอบสวนแล้ว เป็นความผิดทางอาญา ก็ต้องดำเนินคดีอาญา ซึ่งการดำเนินคดีอาญาตอนนี้นั้นตนเองอาจจะต้องรายงานผลการสอบสวน ซึ่งคดีอาญาจะมีคณะทำงานของระดับ ตำไรวจเขาทำงานอยู่แล้ว
ส่วนในเรื่องของความผิดทางวินัยนั้น จะมีลำดับชั้นอยู่ว่า วินัยร้ายแรง วินัยธรรมดา วินัยเล็กน้อย ซึ่งทุการกระทำจะมีระดับความผิดเพราะฉะนั้น หลังจากตรวจสอบแล้วธุรกิจแล้ว ตามวินัยที่ตนเองจะต้องดำเนินการก็จะดำเนินการตามหน้าที่ซึ่งจากคำชี้แจงของ พ.ต.อ.นั้นได้แจ้งว่าตนเองประกอบธุรกิจขายตรง ไม่ได้มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี