เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงรายพร้อมด้วย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย นำตัวเยาวชนอายุระหว่าง 16 - 18 ปี จำนวนกว่า 40 คน พร้อมด้วยผู้ปกครองของเยาวชนบางส่วน มาร่วมลงจัดทำรายชื่อและประวัติ พร้อมมีการอบรมก่อนที่จะแยกดำเนินคดีตามข้อหาความผิด ภายหลังจากในช่วงคืนวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มเยาวชนเหล่านี้ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวนกว่า 20 คัน มีสมาชิกประมาณ 40 - 50 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน และขว้างปาวัตถุคล้ายระเบิด บนถนนใกล้ทางแยกบ้านเด่น บริเวณหน้าโรงเรียนเม็งรายมหาราช หมู่ 5 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย โดยชาวบ้านระแวกข้างเคียงสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ก่อนจะแจ้งตำรวจให้ติดตามจับกุม
เวลาต่อมาจากแนวทางสืบสวนสอบสวนทำให้ทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุดังกล่าวมี นายเวฟ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ชาว ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นหัวหน้าแก๊ง จึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นบ้านขอนายเวฟ พบนายเวฟ และพรรคพวกอีก 2 คน อยู่ในบ้าน ในการตรวจค้นพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก สนับมือ 1 อัน ซุกซ่อนอยู่ในห้องนอน และพบอาวุธมีดหลากหลายขนิดอีกเป็นจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างภายในบ้าน จึงควบคุมตัวนายเวฟ พร้อมอาวุธ มาสอบสวนจนทราบเครือข่ายที่ก่อเหตุว่ามีใครบ้าง จนมีการจับกุมตัวมาได้กว่า 40 คน แต่ยังจับกุมตัวไม่อีกกว่า 20 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
โดย พล.ต.ต.มานพ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างความวุ่นวายแก่พื้นที่ จ.เชียงราย เป็นอย่างมาก มีการทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินและพกพาอาวุธ ไปก่อเหตุในที่สาธารณะ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงการฟื้นฟูน้ำท่วมมีกลุ่มคนเข้ามาช่วยเหลือน้ำท่วมกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งกำลังจะมีการฟื้นฟูการท่องเที่ยวแต่เยาวชนเหล่านี้กลับมาสร้างความวุ่นวาย ซึ่งจะกระทบต่อชื่อเสียงของจังหวัด และกระทบต่อการท่องเที่ยวได้ จึงต้องกวาดล้างให้สิ้น โดยสามารถจับกุมได้กว่า 40 คน แต่ก็ยังเหลือเครือข่ายอีกหลายสิบคน ซึ่งจะดำเนินต่อไป โดยทั้งหมดจะถูกทำประวัติและดำเนินคดีตามข้อหาความผิด โดยตำรวจได้เชิญทางผู้ปกครองมารับฟังด้วย หากผู้ปกครองไม่ดูแลเยาวชนเหล่านี้ให้ดีกลับมาก่อเหตุอีกก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
พล.ต.ต.มานพ กล่าวด้วยว่า นอกจากกลุ่มแก๊งนี้แล้ว จากแนวทางสืบสวนยังพบว่า มีความพยายามที่จะมีการรวมกลุ่มของเยาวชนอีกประมาณ 6 - 7 กลุ่ม แต่ทางตำรวจเข้มงวดกวดขันทำให้ไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ง่ายๆ ซึ่งการป้องกันไม่ให้มีเหตุลักษณะนี้ได้ให้โรงพักทั้ง 25 สถานี ในสังกัด ดำเนินการออกกวาดขันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการตั้งด่าน 24 ชั่วโมง ในด่านหลัก 11 จุด พร้อมกันนี้ยังมีการตรวจเข้มร้านแต่งรถ การไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่ม โดยเฉพาะการรวมตัวของกลุ่มรถประเภทต่างๆ เพราะจะเหมือนเป็นการดึงเยาวชนจากทุกพื้นที่มารวมตัวกันเสี่ยงที่จะก่อเหตุป่วนเมืองได้ง่าย แต่งานประเพณีหรืองานประจำปีทั่วไปก็สามารถทำได้ตามปกติ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการนำเยาวชนทั้งหมดทำประวัติและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแยกประเภทการกระทำผิดของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน โดยมีทั้งข้อหาความผิด ทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเห็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก้กายและจิตใจ , ส่งเสียงทำให้เกินเสียงหรือกระทำอื้ออึง โดยไม่มีเหตุสมควร ทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย , ทะเลาะวิวาทอย่างอื้ออึงในที่สาธารณะหรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะความผิด พ.ร.บ.ความสะอาด และ พ.ร.บ.จราจรทางบก เป็นต้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี