สั่งเฝ้าระวังเข้มห้ามคนร้ายป่วน
แม่ทัพภาค4ลงพื้นที่
หลังคดีตากใบหมดอายุความ
ปลุกขวัญจนท.ทำงานรอบคอบ
‘ภูมิธรรม’ชี้คดีจบอย่าโยง‘อิ๊งค์’
โจรใต้ซุ่มยิงรองสว.จราจรดับ
“ภูมิธรรม” ลั่นคดีตากใบ มันจบแล้ว หลังคดีหมดอายุความ อย่าต่อความยาวสาวความยืด เผยยังไม่ได้คุย “นายกฯ” ลุยพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ด้านแม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่กลางดึกปลุกขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายโจรซุ่มยิงรองสารวัตรจราจรดับ “เทพไท” ยำนิติรัฐล้มเหลว
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีคดีตากใบที่หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ว่า ท่าทีที่ฝ่ายรัฐมีความพยายามจะจบคดีนี้ตั้งแต่แรก ใช้เวลา 4-5 ปีในการศึกษา
ติดตามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และการพูดความจริงไม่หมดก็จะเป็นปัญหาได้ ไม่ว่าใครก็ตาม ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาใคร ดังนั้นที่บอกว่ารัฐไม่ได้ใส่ใจ ยืนยันว่าเรามีกระบวนการยุติธรรมที่ได้ดำเนินการอยู่ตลอด ซึ่งตลอดเวลาที่ศาลได้ตัดสินช่วง 5 ปีแรก จนถึงตอนนี้เกือบ15 ปี ไม่เคยมีการหยิบยกไม่ว่า ผ่านรัฐมนตรี ผ่านนายกฯ มาหลายสมัยก็ต้องเข้าใจด้วย ดังนั้นการที่พุ่งเป้ามาให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสมัยนี้รับผิดชอบ ซึ่งตอนเกิดเหตุการณ์นางสาวแพทองธาร อายุแค่ 10 ขวบเองก็อยากให้เข้าใจตรงนี้
อย่าไปสร้างประเด็นใหม่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ในบทบาทของความเป็นรัฐ นางสาวแพทองธาร ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่มาตลอด แต่ก็เป็นปกติธรรมดาที่มีคดีที่เราทำได้สำเร็จ จับผู้ร้ายได้หรือจับไม่ได้ก็มี ไม่มีใครปราถนาให้เป็นประเด็น หรือจุดที่จะทำให้เป็นปัญหาในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อถึงเวลา ยังไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ใช่ผู้มีความผิด ยังเป็นการกล่าวหา นายกฯ ก็ได้แสดงความเสียใจกับเรื่องที่ไม่สามารถทำให้ได้ตามวัตถุประสงค์และไม่สามารถทำเรื่องการออกกฤษฏีกาให้ตามที่หลายฝ่ายเสนอ ถ้าเรายึดถือกระบวนการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราพยายามทำเต็มที่แล้ว แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ นายกฯ ก็ได้ขอโทษว่า ไม่สามารถทำให้ลุล่วง ซึ่งนายกฯ ให้ถือเรื่องนี้เป็นบทเรียนและศึกษาดูว่ากระบวนการยุติธรรมที่จะทำให้มันดีกว่านี้คืออะไร
“จริงๆถ้าคดีต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน กระบวนการที่จะดำเนินการต่างๆ จะดีกว่านี้ ไม่ใช่เพิ่งมาเรียกร้องเอาช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่คดีกำลังถึงที่สุดที่โดยธรรมชาติไม่มีใครจะยอมขึ้นศาลหรอก อันนี้ไม่ได้หมายความว่าผมไปเชียร์เขา แต่ชี้ให้เห็นว่า มันเกิดความยากลำบากในการติดตาม ผมคิดว่าความรุนแรงในภาคใต้ก็ยังคงมีอยู่ ตราบใดที่เรายังทำงานไม่บรรลุผล ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีตากใบว่า พอผลของคดีตากใบเป็นแบบนี้ จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องตลอด “ นายภูมิธรรม กล่าว
ไร้แผนพาอุ๊งอิ๊งเยือนชายแดนใต้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีแผนจะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ เลย แต่ตนจะลงพื้นที่แน่ เพราะรับผิดชอบดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในพื้นที่ แต่ว่าช่วงนี้ยังมีเรื่องอื่นให้ดำเนินการอยู่
เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ ว่าจะมีการขยายการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม กล่าว ว่า เราให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ ส่วนถามว่ากังวลหรือไม่นั้น เราคาดการณ์ยาก เราไม่เรื่องที่จะไปคาดการณ์ในเชิงร้ายที่สุด แต่เรื่องของการป้องกัน เราดูแลอยู่ตลอด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ยิ่งการแสดงเชิงสัญลักษณ์ก็อยากให้แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะในสภาที่มีการพูดว่ามีคนตาย 700 กว่าคน ที่จริงมัน 70 กว่าคน แต่ถ้าจะเอาคนตายรวม 700 คน ก็ต้องรวมทหารด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดีจะพูดอย่างไรก็ได้
“แต่ถ้าพูดกันตรงไปตรงมา ก็ต้องถือว่าจบแล้ว ส่วนจะนำบทเรียนไปหาทางแก้ไขคลี่คลายอย่างไร รวมถึงกรณีที่มี สส. เรียกร้องเรื่องการดูแลเยียวยาเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องไปคิด แต่ไม่ใช่เรื่องเงิน เพราะเรื่องเงินมันจบไปแล้ว การมาพูดเรื่องเงินอีกมันต่อความยาวสาวความยืดไม่มีข้อยุติ เหนือสิ่งอื่นใด อย่าให้ประเด็นเหล่านี้ถูกนำมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นความมั่นคงของรัฐไทย ก็ต้องคำนึงถึงรัฐไทย ไม่ใช่รัฐบาลไทย เพราะถ้าจะพูดกันจริงๆ รัฐบาลไทยก็มีมาหลายชุดแล้ว แต่มันไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมา จึงขอร้องว่าอย่าใช้ประเด็นนี้มาเคลื่อนไหวทางการเมือง” นายภูมิธรรมกล่าว
อย่าไปโยงยิงตำรวจดับ
เมื่อถามว่า กรณีคนร้ายบุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในมัสยิดที่กำลังละหมาด ที่จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค. มาจากผลการที่คดีตากใบหมดอายุหรือไม่ว่า นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่เอฟเฟกต์หรืออะไรหรอก เพราะเกิดขึ้นตลอด ไม่ใช่ครั้งแรก ฉะนั้นอย่าไปโยง เพราะจะทำให้เรื่องต่างๆ ไม่จบ อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ ส่วนรัฐจะไปดูว่าจะทำอย่างที่จะช่วยบรรเทาเบาบางไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก
ยิงสว.จร.ปัตตานีดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนร้ายซุ่มยิงรองสารวัตจราจร เสียชีวิต ขณะเดินออกจากมัสยิด หลังเสร็จจากการละหมาด อ.เมือง จ.ปัตตานี จนท.คาดสร้างสถานการณ์ ก่อนครบรอบ 20 ปีตากใบ
ร.ต.ต.อดิศักดิ์ บือราเฮง อายุ 54 ปี รองสารวัตจราจร สภ.เมืองปัตตานี ถูกยิงด้วยปืนพกสั้นเข้าที่ลำตัวหลายนัด ปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 7 ปลอก ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ต.อดิศักดิ์ เพิ่งเสร็จจากการละหมาดที่มัสยิดนูรุลฮิดายะห์ ม.2 บ.คลองมานิง ต.คลองมานิง อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้าน มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ดักซุ่มอยู่ด้านหลังมัสยิด ก่อนใช้ปืนจ่อยิง ผู้ตายพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในมัสยิด คนร้ายก็วิ่งตาม พร้อมทั้งยิงปืนใส่ผู้ตายหลายนัดจนล้มคว่ำเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ก่อนครบรอบ 20 ปีตากใบ
สิ้นสุดคดีตากใบหมดอายุความ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ปาฎิหาริย์ ไม่มีอยู่จริง” ระบุว่าบัดนี้เวลา 00.00 น. ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ทำให้“อายุความ”ของ“คดีตากใบ”สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถนำผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับ มาฟ้องต่อศาลยุติธรรมได้เลย ทำให้ผู้ต้องหาคดีตากใบทั้งหมด พ้นสภาพการเป็นผู้ต้องหาโดยปริยาย ผู้ก่อเหตุทำให้ประชาชนตาย 85 ศพ ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไม่ต้องรับโทษแม้แต่คนเดียว
ผมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีตากใบ มาอย่างต่อเนื่องหลายวัน และวันนี้ เมื่อคดีสิ้นสุดอายุความแล้ว จึงขออนุญาตสรุปความเห็นเป็นครั้งสุดท้าย ดังนี้
1.คดีตากใบ เป็นตัวอย่างของระบบนิติรัฐล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ที่ชัดเจนที่สุด,2.คดีตากใบ เป็นคดีอาญาที่มีอายุความ 20 ปี มีเวลายาวนาน แต่ทำไมผู้รับผิดชอบ จึงปล่อยให้หมดอายุความได้,3.เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านคดีความได้ปล่อยประละเลย ไม่เอาใจใส่สอบสวนหรือสั่งฟ้องคดี และไม่สามารถบังคับใช้กฎหมาย จับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้,4.มีการเสนอให้รัฐบาลออก พรก.ขยายอายุความ หรือหยุดอายุความลงชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ทำให้หลักการมีอายุความบิดเบี้ยวไป,5.ปัญหาคดีขาดอายุความ เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ทำคดีปล่อยให้คดีหมดอายุความ และผู้บังคับใช้กฎหมายไม่สามารถจับกุมนำตัวผู้กระทำผิด มาฟ้องร้องต่อศาลได้,6.ไม่เห็นด้วยกับวิธีการแก้ปัญหาเรื่องอายุความ โดยใช้หลักคิด คดีใดมีปัญหาเรื่องอายุความ ก็จะแก้ไขกฎหมายแบบไม่มีอายุความ ซึ่งเป็นวิธีการแบบวัวหายล้อมคอก
อย่าให้เกิดซ้ำกับคดีอื่น ๆ
7.วิธีการนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หวังรอปาฏิหาริย์ หรือสปิริตของผู้ต้องหาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ต้องหาทุกคนต้องหลบหนีการจับกุม ไม่เว้นแม้แต่กรณี นายทักษิณ ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนักการเมืองคนอื่นๆ ที่กำลังหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ อีกหลายคน,8.รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องสรุปบทเรียน นำเรื่องการสิ้นสุดอายุความมาเป็นเหตุป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำกับคดีอื่นๆในอนาคต,9.ประเทศไทยต้องไม่สร้างวัฒนธรรม“ผู้กระทำผิดลอยนวล” ให้เป็นแบบอย่างของสังคมต่อไป
10.รัฐบาลชุดนี้ต้องมีสำนึกความรับผิดชอบการหมดอายุความของคดี จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคดีนี้เกิดขึ้นในรัฐบาลนายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ และหมดอายุความในรัฐบาลแพทองธาร ผู้เป็นลูก จะเป็นเหตุบังเอิญหรือฟ้าบันดาล ที่พ่อเป็นผู้ก่อเหตุและลูกต้องมารับผิดชอบในวันสุดท้ายของการสิ้นสุดอายุความ
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊กว่า คดีตากใบ มีคนตายไป 85 คน ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลบหนี ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนหมดอายุความ จึงสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ท่านอาจหนีกฎหมายได้แต่คงหนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้น
แม่ทัพภาค4ลงพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามด่านตรวจ จุดตรวจ และเจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก ของจังหวัดนราธิวาส ทั้งแนวชายแดน เขตรอยต่อทางบกและทางน้ำ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่และสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน หลังมีกระแสข่าวลือถึงความพยายามเข้ามาก่อเหตุก่อกวน สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน หวาดระแวง ไม่สบายใจถึงความปลอดภัย
ขณะที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนฝ่ายกำลังพลเรือนก็ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อควบคุมดูแลพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
ตั้งด่านคุมเข้มตากใบ
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ ได้เดินทางไปยังจุดตรวจยูงทอง ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ทหารตำรวจพลเรือน ,จุดตรวจสถานีตำรวจภูธรตากใบ และกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พร้อมตรวจตราความเรียบร้อยระบบการทำงานของ CCTV ระบบป้องกันภัย ไฟส่องสว่างทั่วบริเวณ ตลอดจนแนวชายแดน ไทย-มาเลเซีย และล่องเรือสำรวจทางน้ำตลอดเส้นทางลำน้ำโก -ลก ก่อนแม่ทัพภาพที่ 4 และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อำเภอเทพาจังหวัดสงขลาเพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40
สั่งทหารตร.ห้ามประมาท
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กำชับต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ตรึงเข้มมาตรการในการดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด รู้ทันเหตุและตื่นตัวในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ไม่หวังดี ที่อาจจะเข้ามาก่อกวนสร้งความสับสนวุ่นวายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ เฝ้าสังเกตุสิ่งผิดปกติ ยานพาหนะ บุคคต้องสงสัย โดยจะต้องบูรณาการร่วมของเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีอิสระในการก่อเหตุ
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งได้สร้างความความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตลอดจนประชาชน จึงต้องเพิ่มความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และในช่วงของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่คดีตากใบจะหมดอายุความ อาจมีการปลุกปั่นสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน หวังทำลายความสงบสุขในพื้นที่
สว.ห่วงเหตุการรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่อายุความผู้ต้องหาคดีตากใบ 14 คน หมดอายุความเวลา 24.00 น.ในวันที่ 25 ต.ค.67 ไม่สามารถนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คนเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมได้
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่าสถานการณ์วันสุดท้ายคดีตากใบหมดอายุความ ถึงแม้เมื่อคืนได้ผ่านเหตุร้ายไปได้ เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่ทุกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายเคลื่อนไหวก่อเหตุได้
นายไชยยงค์ กล่าวว่า มีแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 24-28 ต.ค. กองกำลังติดอาวุธจะก่อเหตุใน อ.เมืองนราธิวาส เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตำบลรอบนอกอาทิ ต.ลำภู กะลุวอ กะลุวอเหนือ บางปอและ ต.มะนังตายอ และจุดตรวจและฐานปฏิบัติการณ์
ระวังฉวยโอกาสก่อการร้าย
นายไชยยงค์ ยังกล่าวอีกว่า มีข่าวจากแหล่งข่าวมีการขนระเบิด 2 ลูกเข้าทาง อ.ตากใบ มาพักคอยใน อ.เมืองนราธิวาส ประกอบระเบิดในรถยนต์หรือรถ จยย. ก่อเหตุคาร์บอมม์ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 สั่งการให้กำลังทหารห้ามลาป่วย ลากิจเด็ดขาด รักษาความสงบเรียบร้อยในชายแดนใต้
นายไชยยงค์ ยังกล่าวต่ออีกว่า บีอาร์เอ็นใช้ยุทธการเดิมคือยุทธการควบคู่กันไป คือฉวยโอกาสการก่อการร้าย และประสานปีกทางการเมืองของขบวนการในพื้นที่จัดกิจกรรม เคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการ บีอาร์เอ็น ที่ต้องการปลุกระดมมวลชนต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐและแสดงเชิงสัญลักษณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น มีการจัดกิจกรรม เช่น เสวนาระลึกวีรชนตากใบ ฉากหนังสั้นตากใบ ตากใบลมหายใจที่ลอยนวล “ต้องการสื่อให้สังคมโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิมรับทราบว่า คนมุสลิมในประเทศไทยได้รับความอยุติธรรม”
“ขอโทษ”ไม่ได้ลดความรุนแรง
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษและแสดงความเสียใจมีการวิพากวิจารย์กันว่าไม่ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลง แต่เขาต้องการความยุติธรรม ต้องการรัฐบาลเพื่อไทยนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คน ขึ้นศาลเพื่อให้ศาลไต่สวน ให้คดีจบด้วยขบวนการของศาล ไม่ทำให้เหตุการณ์ร้ายลดลง เพราะประเด็นเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและมาเกิดในสมัยนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกของคุณทักษิณ สังคมบอกว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่ได้อำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสีย
นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า มีข่าวจากหน่วยความมั่นคงว่าก่อเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนไม่ได้ ก็จะถือโอกาสนำระเบิดมาก่อเหตุใน จ.สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจได้แก่ อ.หาดใหญ่ เมือง และ อ.สะเดา หากป้องกันเมืองไม่ได้จะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงอีก และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ได้แก่ อ.นาทวี เทพา จะนะ และ อ.สะบ้าย้อย ขณะนี้ทราบว่าได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังขั้นสูงสุดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี