เปิดคำต่อคำ "ทนายตั้ม" เผย "ผมถูกโฉลกกับคนถูกรางวัลใหญ่ ดั่งฟ้าลิขิตเอาไว้" ส่วน "เงินเสน่หา 71 ล้านบาท" เจ้าหน้าที่กำลังประเมินภาษี ยันกรณีที่หนักใจสุดคือ "กระแสสังคม เพราะทุกอย่างผ่านมาหมดแล้ว" พร้อมบอก "ไม่ฝากอะไรไปถึงพี่สนธิดีกว่า แต่ก็ขอให้ทำตามคำที่ลั่นวาจากันเอาไว้ก็แล้วกัน"
วันนี้ (28 ต.ค.67) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์แบบคำต่อคำขณะเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดกาญจนบุรีในคดีหวย 30 ล้านอลเวงที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา รวมทั้งนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางพัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช ในข้อหาความผิดฐาน "ร่วมกันเบิกความเท็จ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาชีวิตของทนายตั้มกำลังถูกถาโถมอย่างหนักจะชี้แจงอย่างไร ทนายตั้มตอบว่า "ทุกวันนี้ผมบอกได้เลยว่าผมไม่ได้มีความหนักใจอะไรเลย ตอนนี้อยู่ในช่วงของการรวบรวมพยานหลักฐานโดยให้ทางทนายความในสํานักงานษิทรารอเฟิร์ม รวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดอยู่ จึงไม่มีความหนักใจอะไรทั้งนั้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมกำลังสังเกตว่าจะมีใครให้เงินด้วยความเสน่หาได้ขนาดนั้น ทนายตั้มตอบว่า "ขอให้อยู่ในสำนวนและหลักฐานก็แล้วกัน เพราะบอกไปบางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมจะบอกให้ว่าสิ่งที่ผมพูด ผมยืนยันหนักแน่นแล้วก็เป็นความจริงทุกคําในเวลาสัมภาษณ์สื่อ แต่ขอให้รอดูผลของเรื่องนี้จะดีกว่าว่าจะเป็นอะไรยังไง เหมือนกับที่มารอดูผลของคดีในวันนี้ที่เราอยู่กันมา 6-7 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ลุงจรูญ ถูกดำเนินคดีจนสามารถพิสูจน์ความจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมจึงฟ้องกลับ ในข้อหาฟ้องเท็จ ทั้งแจ้งความเท็จ ทั้งเบิกความเท็จทุกคดี ซึ่งบางเรื่องมันต้องใช้เวลาผมก็เข้าใจ ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้ผมบอกตรงๆว่าผมไม่อยากให้สัมภาษณ์เพราะว่าพูดไปมันก็เท่านั้น เพราะว่ายังไงคนก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี"
ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าเงินที่คุณอ้อยให้ไปจำนวน 71 ล้านบาทนั้นทนายตั้มยังยืนยันว่าคุณอ้อยให้ด้วยความเสน่หาอยู่หรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า "อย่างที่ผมเคยบอกไปออกรายการที่ให้สัมภาษณ์ทุกอย่าง การไปออกรายการผมไม่กล้าโกหกผ่านสื่ออยู่แล้ว อย่าลืมผมเป็นทนายความ ผมทำอะไรทุกอย่างผมมีหลักฐาน"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อคุณอ้อยให้ด้วยความเสน่หาแล้วทำไมคุณอ้อย ถึงไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ทนายตั้มตอบว่า "เรื่องนี้ผมไม่ทราบ แต่ต้องไปพิสูจน์กันว่าสิ่งที่เขามาแจ้งความดำเนินคดีกับผมมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เรื่องนี้เดี๋ยวเขาก็คงจะไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนตัวผมต้องขอบอกก่อนว่าผมจะไม่รีบไปให้การ เพราะผมกลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีเวลาทำงานน้อย ถ้าผมไปมอบตัวเร็วจะทำให้คดีที่ยืดได้แค่ 4 ผลัดมันช้า แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหนังสือเรียกให้ผมไปผมถึงจะไป"
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า จะแจ้งความกลับกับเจ้าของเงินที่ให้มาหรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า "ตอนนี้ยังจะไม่ดำเนินคดีกลับใดๆ ทั้งสิ้น แต่อนาคตก็ต้องมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง ถามว่าจะมีการเจรจากับเจ้าของเงินหรือไม่ เรื่องนี้ผมไม่มีการติดต่อไป ขอบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่เคยติดต่อใครไปทั้งทางคนใกล้ตัวเขาทั้งเลขาหรือแม้กระทั่งตัวของพี่อ้อยเอง ไม่มีการติดต่อไป ณ เวลานี้"
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะฝากอะไรไปถึงคุณอ้อย หรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า "ต้องขอบอกอย่างนี้ว่าตัวผมมันถูกโฉลกกับคนที่ถูกรางวัลใหญ่ๆ อย่างคดีในวันนี้ที่ลุงจรูญทำให้ผมมีชื่อเสียง ส่วนพี่อ้อยก็ถูกรางวัลใหญ่ที่ต่างประเทศมาก็ให้เงินให้ทองผม ผมก็ถูกโฉลกกับคนแบบนี้คือคนที่มี พูดง่ายๆ ก็คือฟ้าได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ส่วนประเด็นการเสียภาษีนั้นไม่ต้องห่วงเพราะผมเป็นทนายความ การเสียภาษีขณะนี้ผมโดนตรวจสอบภาษีอยู่ ซึ่งขณะที่เงินเข้ามาในบัญชีผมก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว ซึ่งภาษีจะต้องเสียประมาณ 5% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างได้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับทนายตั้ม อยู่ในขณะนี้ มีกรณีอะไรที่หนักใจที่สุด ทนายตั้มตอบว่า "ที่ผมหนักใจที่สุดก็คือกรณีกระแสของสังคมอย่างเดียว เพราะว่าพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ว่าตัวผมโดนเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว โดนมาตั้งแต่ตอนทำคดีหวย 30 ล้านบาท ช่วงระหว่างปี 2561-2562 ซึ่งตอนนั้นมีคนมากล่าวหาผมไปต่างๆ นานาเยอะแยะไปหมด หรือแม้กระทั่งตอนที่ผมทำเรื่อง ไบโอ แมททริบ กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ผมก็โดนหมายจับ กับพี่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผมก็ถูกกล่าวหาว่าเป้นทนายสีเทา ปัญหาทุกอย่างนั้นผมผ่านมาทั้งหมดแล้ว ทำให้เรื่องพวกนี้ผมจึงไม่มีความหนักใจอะไรมาก"
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาบอกว่า ทนายตั้มนำเงินไปซื้อบ้านหลังละ 40 กว่าล้านนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งทนายตั้มตอบว่า "เรื่องนี้เป็นส่วนของผมว่าจะนำเงินไปจัดการอะไร อย่างไร"
เมื่อถามว่า "อยากจะฝากอะไรไปถึงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างไรบ้าง หรือไม่" ทนายตั้มตอบว่า "ก็ไม่ฝากอะไรไปถึงพี่สนธิดีกว่า แต่ก็ขอให้ทำตามคำที่ลั่นวาจากันเอาไว้ก็แล้วกัน"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคุณสนธิบอกเอาไว้ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คนทำชั่วจะต้องชิบหาย ทนายตั้มคิดอย่างไร ทนายตั้มตอบว่า "ก็รอดูกันต่อไปก็แล้วกัน ผมถึงบอกว่าเรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ"
ถามอีกว่ากรณีที่ ไฮโซปอ-ตนุภัทร ออกมาแฉว่า ทนายดังหักหลังคดีแตงโม แนะแนวทางสู้ในทางที่ผิด ซ้ำเรียกเงินเป็นจำนวนมากนั้นทนายตั้มมองอย่างไร ซึ่งทนายตั้ม ตอบสั้นๆว่า "เรื่องนี้ไร้สาระทั้งนั้น ไอ้พวกนี้ถือโอกาสตอนที่ผมกำลังทัวร์ลง"
ส่วนกรณีถามว่าการที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน กรุ๊ป อ้างว่า 1 ในทนายดรีมทีมรีดเงิน 7 ล้านบาท โดยทนายตั้ม ได้ปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี