19 เหยื่อค้ามนุษย์ชาวลาววอนนายกฯไทยช่วยด่วน-ถูกกักขังทรมานอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมน้ำเมยฝั่งพม่าหลังถูกล่อลวงไปจากประเทศไทย-แฉแก็งค์มาเฟียจีนสุดเหี้ยมโหดบังคับทำงานสแกมเมอร์ใช้ “ติ๊กต๊อก”ตุ๋นทั่วโลก
วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหน่วยงานต่างๆของไทย อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อการค้านมนุษย์ 110 คน ที่ถูกมาเฟียจีนบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดีติดกับชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ภายใต้การดูแลของกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force- BGF) และกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย(Democratic Karen Buddhist Army – DKBA) โดยเหยื่อเหล่านี้ถูกกักขังและทรมานอย่างโหดร้ายหากไม่สามารถทำงานเป็นไปตามเป้าที่มาเฟียจีนกำหนดไว้
ล่าสุดยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เหยื่อค้ามนุษย์ชาวลาวที่ยังถูกกักขังอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย 19 คน
นายคำพัน(นามสมมุติ) เหยื่อชาวลาวเล่าว่า ตนข้ามจากประเทศลาวเข้ามาทางจังหวัดหนองคาย พร้อมกับน้องๆ 2 คน เพราะเชื่อในคำชักชวนผ่านสื่อออนไลน์ โดยเข้ามาอยู่กทม.ก่อน 1 สัปดาห์จึงมีคนพาเดินทางไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก หลังจากนั้นมีคนพาข้ามแม่น้ำเมยทาง ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 โดยตอนแรกตกลงกันว่าให้ตนทำงานแพ็กสินค้า แต่พอมาถึงกลับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์โดยต่อสายลูกค้าให้มาลงทุน
“กลุ่มเป้าหมายเป็นเหยื่อต่างชาติ เขามีโปรแกรมแปลภาษาให้ เขาสร้างตัวละครสวยๆไว้คุยกับผู้ชาย ผมทำงานได้ 2 เดือน แต่ทำไม่ได้ตามที่เขาตั้งเป้า เขาเลยให้ไปทำงานหาเบอร์ลูกค้า ที่นี่โดนตีและทรมานกันทุกคน ถ้าตอบแช็ตแล้วไม่ได้ลูกค้า เขาจะใช้ไม้คล้ายกระบอกตีก้น โดยคนจีนเป็นคนตี นอกจากคนลาวแล้วยังมีชาติอื่นๆ ทั้งฟิลิปปินส์ แอฟริกา อีรัก อินโดนีเซีย แถวนี้มีบริษัทอยู่เยอะมาก มีทหารกะเหรี่ยงคุม แต่คนทำร้ายพวกเราคือคนจีน เขาปิดประตูตี บางคนถูกช็อต ผมเคยร้องเรียนไปยังสถานทูตลาวประจำพม่าหลายครั้ง ตั้งแต่ถูกหลอกแรกๆ แต่เขาบอกว่าเข้ามาช่วยไม่ได้ เพราะที่นี่รัฐบาลพม่าเข้าไม่ได้ เป็นเขตกะเหรี่ยงคุม เพื่อนๆบางคนร้องเรียนไปยังตำรวจไทย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ออกอยู่ดี เรื่องเงียบไป บางคนร้องเรียนไป ปรากฏว่าเรื่องราวที่ร้องไปถูกส่งกลับมาให้มาเฟียจีน ทำให้เขาถูกจับและโดนทรมานหนัก” ”นายคำพัน กล่าว
นายคำพัน กล่าวว่า มาเฟียจีนได้ตั้งราคาไว้ว่า ใครที่จะออกต้องนำเงินมาจ่าย 8 พันดอลล่าร(ประมาณ 2.6 แสนบาท) คนลาวไม่มีใครจ่าย แต่ก็มีบางคนที่ทำงานหลอกลวงได้ยอดตามเป้าให้เขา 5 ล้านบ้าง 10 ล้านบ้าง
“ผมอยากพูดจากใจแทนเพื่อนๆน้องๆที่ถูกกักขังอยู่ตอนนี้ ความหวังสุดท้ายของเราคือทางการไทย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนได้รับความช่วยเหลือออกไปได้ เพราะทางญาติเขาประสานกับบางหน่วยงานของทางการไทย ในเมื่อลาวไทยเป็นพี่น้องกัน อยากจึงขอวิงวอนขอความาช่วยเหลือ ตอนนี้พวกผมทรมานเหลือเกิน ผมเป็นชาวไร่ชาวนาด้วยความหวังต้องการหาเงินเลี้ยงครอบครัว ไม่คิดว่าจะถูกหลอกเช่นนี้”นายคำพัน กล่าว
ด้าน น.ส.บัวคำ(นามสมมุติ) ชาวนครหลวงเวียงจัน กล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง กทม.ก่อน หลังจากนั้นเห็นโพสต์ชวนไปทำงานโรงงานรายได้เดือนละ 1.5 หมื่นบาทที่ระยอง แต่กลับถูกพาไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะเปลี่ยนรถพาไปยังชายแดนและข้ามแม่น้ำตอนกลางคืนพาไปส่งในแหล่งที่อยู่ปัจจุบัน และเมื่อรู้ว่าถูกหลอกกจึงได้ติดต่อญาติตั้งแต่เดือนแรกและได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตลาวประจำพม่า แต่เขาบอกว่าช่วยเหลือไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่ของกะเหรี่ยง
น.ส.บัวคำกล่าวว่า ช่วงแรกที่ถูกหลอกมาทำงานได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ตอบแช็ต แต่ตนทำไม่ได้ตามเป้าจึงถูกเปลี่ยนให้ทำหน้าที่หาเบอร์ลูกค้าแทน โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้ชายอายุ 26-60 ปี ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ตุรกี อียิป อีรัก โดยแนะนำตัวผ่านโซเชียบมีเดียติ๊กต๊อก ซึ่งทางบอสจะพูดไปตามสคิป และสุดท้ายคือของหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นส่งหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้ให้บอสเช็คดูอีกทีก่อนที่บอสจะส่งต่อไปให้ฝ่ายแช็ตเพื่อนำไปหลอกลวงต่อ
“ขอเบอโทรผ่านติ๊กต๊อก เราปลอมแปลงโปรไฟล์เป็นสาวสิงคโปร์ ชื่อ แอลล่า คุยด้วยระบบแปลภาษา สคิปเขาทำมาดีมาก แต่ละวันต้องหลอกขอเบอร์ได้ได้ 80 คน ที่นี่เขาใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตระบบสายแลนด์”น.ส.บัวคำ กล่าว
เหยื่อค้ามนุษย์ชาวลาวกล่าวว่า บรรยากาศข้างในอาคารซึ่งเป็นที่ทำงานค่อนวุ่นวาย เพราะมีทั้งโต๊ะสนุก ฟิสเนส ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ทำงานอยู่ที่นี่ บางคนเป็นบอส นานๆมาที บริษัทมี 3 ชั้น พวกตนอยู่ชั้น 2 แต่ที่นี่ไม่มีคนไทย นอกจากนี้ในบริเวณไม่ไกลแหล่งขายบริการทางเพศที่มีสาวไทยมาทำงานส่วนใหญ่ด้วยความเต็มใจ แต่ก็มีสาวลาวถูกหลอกมาขายบริการด้วย
“แต่เขาจับได้ว่าพวกหนูติดต่อคนมาช่วย เขาจะเอาทรมานนำไปขังในคุกมืด เอาเชือกผูกแขน และตี หรือช็อตด้วยไฟฟ้า เคยมีคนพยายามหนีแต่ถูกจับได้ เหนูเคยเห็นคนอินเดียส่งโลเคชั่นให้ให้สถานทูตสุดท้ายเขาขังห้องมืดและช็อตไฟฟ้า ถูกตีอยู่ 4-5 วันจนกว่าจะสะใจ หนูเองก็เคยถูกตีเพราะทำงานไม่ได้เป้า เขาเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าช็อตที่แขน บางคนก็ถูกช็อตที่ก้น”น.ส.บัวคำ กล่าว
น.ส.บัวคำกล่าวว่า ตอนถูกหลอกมาใหม่ๆได้แจ้งให้พ่อและแม่ทราบ ซึ่งท่านก็เป็นห่วงมากแต่ก็จนปัญญา จนกระทั่งแม่ป่วยและอาการทรุดลงเรื่อยเพราะคิดมากเรื่องของตน เพราะไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ในที่สุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาแม่ได้เสียชีวิต
“หนูรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณท่าน และไม่ได้กลับส่งแม่ขึ้นสวรรค์ ปกติมีอะไรหนูก็เล่าให้แม่ฟัง ตอนที่หนูถูกตีก็เล่าให้ท่านฟัง ท่ายังว่าขนาดแม่เลี้ยงมายังไม่เคยตีลูก แม่เห็นใจแต่ช่วยเราไม่ได้ หนูเสียใจมาก หนูกราบอ้อนวอนเขาขอไปกราบศพแม่ แต่เขาไม่ยอม หนูเสียใจมาก ถ้าหนูไม่ดื้อมาทำงานที่นี่ก็คงไม่เกิดเรื่อง แม่ห้ามแล้วไม่ให้ทำงานในไทย ท่านอยากให้เปิดขายส้มตำอยู่บ้าน แต่หนูไม่ฟังเพราะอยากมาหาประสบการณ์ชีวิต”น.ส.บัวคำ กล่าว
วันเดียวกัน ณ โรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานีคอลเล็กชั่น อ. เมืองเชียงราย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ พ.ท.ปัญญา แสงวิจิตร รองหัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ร่วมกันเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการกลไกความร่วมมือข้ามพรมแดนในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือส่งกลับผู้เสียหายระหว่างจังหวัดเชียงรายประเทศไทยกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อทำให้เกิดความร่วมมือ สร้างความเข้าใจร่วมกัน และสร้างเครือข่ายตามแนวชายแดนและเสริมสร้างความเข้มแข็งคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระหว่างหน่วยงาน และพัฒนากลไก การส่งต่อและประสานความร่วมมือให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และผู้เสียหาย กรณีอื่นๆ ระหว่าง ประเทศไทยกับ สปป.ลาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี