ครม.จี้สกัดฝุ่นพิษ

คุมเข้มรถ-โรงงาน

ผู้ว่าฯกทม.สั่งห้าม

รถบรรทุกวิ่ง 9 เขต

ครม.สั่งกระทรวงดีอี-ทส.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ป้องกันปัญหาฝุ่น PM2.5 กำชับกระทรวงอุตสาหกรรม-คมนาคม คุมเข้มโรงงาน-รถยนต์ ปล่อยควันพิษ ด้านผู้ว่าฯ กทม.บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สั่งห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาฯ ใน 9 เขต ขีดเส้น 6 มาตรการ ชี้ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อวันที่ 29ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมได้สั่งการให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งอยากให้เตรียมพร้อมโดยเร็ว เพราะขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว รวมถึงปัญหาภาคการเกษตรว่าจะมีมาตรการอย่างไร เช่น การไม่รับซื้อข้าวโพดและอ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงปัญหาฝุ่นควันที่เกิดจากรถยนต์ และภาคอุตสาหกรรม ต้องขอความร่วมมือ รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ไม่ว่ากระทรวงคมนาคม ที่ต้องตรวจจับรถยนต์ให้เข้มงวดมากขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น

ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วยนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายธีระพงษ์ วิมลจิตรานนท์ ผอ.กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ นายศรัณย์ โปษยะจินดา ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และนายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย แถลงความร่วมมือการลดฝุ่น PM2.5 ภายหลังการประชุมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5 ในพื้นที่ กทม.ปี 2568

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีฝุ่นที่มาพร้อมกับฤดูหนาว มาตรการปีนี้จึงเพิ่มเติมมากขึ้นผ่านมาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่ กทม.(Bangkok Low Emission Zone) จำกัดพื้นที่ไม่ให้รถที่ปล่อยมลพิษเข้ามาในกทม.โดยทางเราพยายามใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมมลพิษ ซึ่ง กทม.สามารถใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ให้อำนาจผู้ว่าฯกทม.ในกรณีเกิดเหตุหรือใกล้จะเกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ เพื่อให้สามารถกำจัดต้นตอของสาธารณภัยได้

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า จะทำเป็นประกาศกรณีที่อาจเกิดฝุ่นมลพิษสูงตามเงื่อนไข ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้พื้นที่บังคับใช้ 9 เขต ประกอบด้วย เขตดุสิต เขตพญาไท เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตคลองสาน เขตสาทร เขตปทุมวัน และเขตบางรัก และแนวถนนต่างๆ ผ่าน 13 เขต 31 แขวง ได้แก่ เขตบางซื่อ (วงศ์สว่าง) เขตจตุจักร (จตุจักร/ ลาดยาว/ จันทรเกษม/ จอมพล) เขตห้วยขวาง (ห้วยขวาง/ สามเสนนอก/ บางกะปิ) เขตดินแดง (ดินแดง/ รัชดาภิเษก) เขตราชเทวี (มักกะสัน) เขตวัฒนา (คลองเตยเหนือ) เขตคลองเตย (คลองเตย) เขตยานนาวา (ช่องนนทรี/ บางโพงพาง) เขตบางคอแหลม (บางคอแหลม/ บางโคล่) เขตธนบุรี (ดาวคะนอง/ สำเหร่/ บุคคโล/ ตลาดพลู) เขตบางกอกใหญ่ (วัดท่าพระ) เขตบางกอกน้อย (บางขุนนนท์/ อรุณอมรินทร์/ บางขุนศรี/ บ้านช่างหล่อ/ ศิริราช) และเขตบางพลัด (บางพลัด/ บางบำหรุ/ บางอ้อ/ บางยี่ขัน)

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยเมื่อค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง 5 เขต ประกอบกับการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น อัตราการระบายอากาศ และทิศทางลมมาจากตะวันออก ล่วงหน้า 2 วัน จะออกประกาศ และจะประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงกำหนดระยะเวลาห้าม 3 วัน มีผลใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศ

“นอกจากนี้ยังจะมี Green List หรือบัญชีสีเขียว รถคันใดที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ให้รถเหล่านี้มาลงทะเบียนเป็นรถบัญชีสีเขียว เพื่อขอยกเว้นมาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่ กทม.ก่อนหน้านี้มีแนวคิดห้ามรถบรรทุกทุกคันไม่ให้วิ่งกรณีที่มีฝุ่นสูง แต่หากเป็นแบบนั้นจะทำให้รถบรรทุกที่มีการปรับปรุง เตรียมการ หรือรถที่มีคุณภาพสูงจะถูกห้ามวิ่งไปด้วย ซึ่งไม่มีแรงจูงใจให้กับคนทำดี” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า เมื่อถึงเดือนมกราคมที่เป็นเดือนฝุ่นหนัก จะมีกล้อง CCTV รวม 257 ตัว บันทึกทะเบียนของรถบรรทุกที่ฝ่าฝืน และจะมีการแจ้งความ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุกไม่เกิน1เดือน หรือทั้งจำและปรับ พร้อมกับมีมาตรการตั้งด่านบูรณาการ 14 จุด ร่วมมือกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจตามไซต์งานก่อสร้าง สถานประกอบการ รวมถึงอู่รถโดยสารประจำทางด้วย

“เชื่อว่ามาตรการนี้จะเป็นมาตรการในเชิงบวกที่ทำให้เรามีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น ไม่ได้เป็นการปูพรม คนที่ทำดีปล่อยมลพิษน้อยยังสามารถประกอบการในช่วงสภาวะวิกฤตได้ หากห้ามทุกคัน คนที่ทำดีก็จะโดนลงโทษไปด้วย” นายชัชชาติ กล่าว