รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น....เรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคเนื้อ และโคพื้นเมืองในประเทศไทย ที่ราคาตกต่ำ จนเกษตรกรจำนวนมากกำลังถอนหายใจ เลิกอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อโคพื้นบ้าน กลายเป็นว่าคนไทย จะหมดอาชีพไปอีกอาชีพหนึ่ง เพราะรัฐบาล เพราะกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นสองกระทรวงที่อ่อนหัด รวมทั้งไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับความเดือดร้อน ของเกษตรกร ที่ปล่อยให้วัวเถื่อน จากประเทศเมียนมา เข้ามาตีตลาดในประเทศโดยพ่อค้า ซื้อวัวเถื่อน จากประเทศเพื่อนบ้านในราคาถูก และศุลกากร ยังปล่อยให้มีการนำเนื้อเถื่อน จากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด จนกลายเป็นการทำลายอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อโคพื้นบ้านของเกษตรกรไทย ไปโดยปริยาย
..... กึ๋น ของเสนาบดี ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ของรัฐบาลไทย กับรัฐบาลลาว และ รัฐบาลเมียนมา ที่มีการทำสัญญากับประเทศจีน ในการส่งออก โคเนื้อไปยังประเทศจีน ที่รัฐบาลจีน ให้โควตา ทั้ง สองประเทศ ประเทศละ 500,000 ตัว ต่อปี ส่วนประเทศไทย มีการเจรจากับรัฐบาลจีน ขอโควตา ส่งออกไปประเทศจีน ปีละ 100,000 ตัว ผ่านมาแล้วกี่ปี ผ่านมาแล้วกี่รัฐบาล ยังไม่มีความคืบหน้า จากรัฐบาลจีน ก็ไหนว่าจีน-ไทย เป็นมิตรประเทศ แต่ทำไม เมียนมา-สปป.ลาว จึงได้ สิทธิจากรัฐบาลจีน นี่เป็นเรื่องที่รัฐบาล ต้องถามตนเอง.....และที่สำคัญ วันนี้ประเทศมาเลเซีย มิตรประเทศทางตอนใต้ของไทย สั่งแบน 5 บริษัทส่งออกโคกระบือของประเทศไทยจำนวน 5 บริษัท ทำให้ไทย ต้องเสียตลาดการส่งออกไม่สามารถส่งออก โคเนื้อ โคพื้นบ้านได้ โดยอ้างเรื่องของโรคระบาด แต่ทำไมที่ชายแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รัฐบาลมาเลเซีย จึงเปิดไฟเขียว ให้ขบวนการค้าวัวเถื่อน ส่งวัวเถื่อน ที่นำเข้า จากฝั่งเมียนมา โดยไม่มีการตรวจโรค การส่งออก คือการต้อนวัวเป็นๆ ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลกข้ามไปฝั่งมาเลเซีย นี่ก็เป็นคำถามต่อรัฐบาลไทย และรัฐบาลของมาเลเซีย ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
...... วันนี้ ประเทศไทย กำลังสูญเสียอาชีพที่ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ นั้นคืออาชีพ เลี้ยงโคกระบือ ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่ต่างกับที่ประเทศไทย ต้องสูญเสียอาชีพการทำการประมง ที่เป็นอาชีพที่ทำมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายที่สุดท้าย รัฐบาลต้องทำตามคำสั่งของสหภาพยุโรป ที่ใช้กฎหมายไอยูยู เล่นงานจนชาวประมงนำเรือออกจับปลาไม่ได้ ต้องขายเรือ ให้กับกรมประมง เพื่อไปหาอาชีพอื่นๆ ทำแทน แต่วิบากกรรม ยังไม่หมด เพราะเรือที่เข้าโครงการ เพื่อเลิกอาชีพประมง ผ่านมาแล้ว 3-4 ปี ที่นำเรือมาจอดเทียบท่า จนเรือหลายลำผุพังจมลงสู่ก้นทะเล ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเรือ จากกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่อย่างใด มีการเรียกร้อง ต่อกรมประมง ต่อรัฐบาล มาเป็นระยะๆ แต่คำตอบคือยังรองประมาณ ล่าสุด ชาวประมง จ.ปัตตานี ยื่นหนังสือร้องเรียน ในเรื่องดังกล่าวกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ไปบอกกับรัฐบาล ถึงความเดือดร้อน ของเจ้าของเรือ ซึ่งเป็นการเรียกร้อง และร้องเรียน ครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วอนาถนะ กับเรื่องที่เกิดขึ้น แค่งบประมาณ ไม่เท่าไหร่ทำไมรัฐบาล จึงนิ่งดูดาย ต่อความเดือดร้อนของประชาชน ก็ไหน แพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกกับคนทั้งประเทศว่า เพื่อไทยมา คนไทยจะมีศักดิ์ศรี จะต้องอยู่ดี กินดี ไม่ใช่หรือแล้วนี่ทำไมเจ้าของเรือ จึงต้องอยู่อย่างเสดสา ต้องออกมาเรียกร้อง ขอความเห็นใจ จากรัฐบาลเป็นระยะๆ
...นี่ก็ร้องกันมาว่า ถนนสายเอเชีย จาก จ.สุราษฎร์ธานี - จังหวัดสงขลา บรรดารถสิบล้อ รถพ่วงรถ 22 ล้อ และรถทัวร์บางคันยังวิ่งเลนขวา เกือบตลอดสาย ขอถามท่าน ขนส่ง และตำรวจทางหลวง พบเห็นรถใหญ่ๆ วิ่งเลนขวา หรือไม่....การพนันกำถั่วการพนันติดอันดับ 1 ในภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ยังคงมีเปิดให้เล่นกันถึง 2 บ่อน ในตัวเมืองสะเดาก็ไม่แปลกที่ตำรวจสะเดามองไม่เห็น เพราะ แอบเล่นกัน แต่ที่ด่านนอก เปิดการพนันบิงโก้ ให้เด็กนักเรียนและเยาวชนเข้าไปนั่งเล่นการพนันบิงโก้ กันอย่างเปิดเผยในงานรับวันฮาโลวีน 10 วัน 10 คืน ที่สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกับ ตำรวจสะเดา มองไม่เห็นบ้างหรือ....
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี