‘ลูกสาวชัยชนะ’
ปธ.กมธ.ตำรวจ
ถูกแก๊งคอลหลอก
รีดเงินสูญ 6 แสน
“ลูกสาวชัยชนะ”ปธ.กมธ.ตำรวจ สภาฯยังไม่รอด!ถูกมิจฉาชีพ หลอกเป็นจนท. รีดเงินสูญ 6 แสน จี้“ผบ.ตร.-นายกฯ” เร่งแก้ปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ด่วน
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีบุตรสาวคนโต ที่กำลังศึกษาอยู่ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์รีดเงินกว่า 600,000บาทว่ามีบุคคลที่แอบอ้างชื่อร.ต.อ.อดิศักดิ์ สอนบัว ว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษโทรศัพท์มาที่บุตรสาว แจ้งว่ามีคดีความและอย่านำเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ หรือญาติพี่น้อง และบอกว่ามีหนทางในการช่วยเหลือโดยให้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือคดี และให้พูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์
โดยบุตรสาวได้โอนเงินครั้งแรก 56,000 บาท ในเวลาประมาณ 08.00 น.หลังจากนั้นก็มีการเปิดวีดีโอคอลพูดคุย อีกฝ่ายใส่ชุดเป็นตำรวจ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีการบอกถึงคดีความว่าเป็นอย่างไร จากนั้นได้ให้โอนเงินครั้งที่ 2 บุตรสาวก็ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกตนว่าต้องจ่ายค่าเทอม ซึ่งตนได้ให้บุตรสาวส่งใบเสร็จการจ่ายค่าเทอมมา เพราะความจริง จะต้องจ่ายเดือน ม.ค.แต่เนื่องจากบุตรสาว เป็นคนตั้งใจเรียนและไม่เคยมีประวัติที่ไม่ดีในด้านการเงิน ตนก็ได้โอนเงินชำระค่าเทอมผ่านไปยังบุตรสาว จากนั้นบุตรสาวได้โอนเงินต่อไปไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านบัญชีม้า 100,000 บาท 2 ครั้ง ครั้งละแสนรวม 200,000 บาท หลังจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินไปแล้ว3ครั้งก็ได้กล่อมให้บุตรสาวกลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อไปหาเงิน ไม่เช่นนั้นจะทำให้คุณพ่อ รวมถึงญาติพี่น้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และจะแบล็คเมล์รูปที่วิดีโอคอลกันไว้ บุตรสาวจึงได้เดินทางกลับไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ไปเอาเงินที่คุณยายแล้วโอนเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก 393,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 649,000 บาท
“การกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กระทำต่อเด็ก และเป็นบุตรของบุคคลสาธารณะในสังคม และใช้วาทะในการข่มขู่นักศึกษาเหล่านี้ ว่าถ้าไม่กระทำตามคุณพ่อคุณแม่จะเสียชื่อเสียง และจะนำรูปที่มีส่งให้มหาวิทยาลัย ทำให้เด็กเกิดความกลัว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น บุตรสาวก็ได้โทรมาหาผม และเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ได้ให้บุตรสาวแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช” นายชัยชนะ กล่าว
นายชัยชนะกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย จริงๆวันนี้รัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องปรับ ตามเรื่องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ตนยังมีความโชคดีอยู่ว่า เขาไม่มาหลอกนำพาบุตรสาวไปดำเนินคดีแล้วมีการกักขังไว้เหมือนที่คนอื่นโดน ปัจจุบันมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ต้องยอมรับว่าเด็กหลายคน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ถึงกระบวนการการกระทำแบบนี้ จะโดนหลอกลวงแบบนี้อยู่บ่อยๆ
ระหว่างสัมภาษณ์นายชัยชนะได้เปิดหลักฐานการพูดคุยระหว่างบุตรสาวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งมีเนื้อหาการรายงานความเคลื่อนไหวของบุตรสาวอยู่ตลอดและมีการข่มขู่
นายชัยชนะกล่าวว่าตนยังมีความโชคดีที่บุตรสาวตัดสินใจบอกตนและแจ้งความดำเนินคดี เรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่จริงจังในการแก้ไข ตนไม่ทราบว่าคนไทยจะต้องสังเวยกับเรื่องแบบนี้อีกนับเท่าไหร่ และบัญชีม้าทั้ง 3 บัญชี บุตรสาวได้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อเช็คเส้นทางทางการเงิน ว่าหลังจากโอนเข้าแล้วเส้นทางการเงินนี้ไปที่ไหน ซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะรับเงินกว่า 600,000 บาท เห็นแค่ค่าจ้างหมื่นสองหมื่น ดังนั้น ต้องฝากผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการถึงตัวการใหญ่ให้ได้ แล้วเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาโทรกลับก็ไม่ติด ส่วนห้องไลน์เมื่อบุตรสาวดึงตนเองเข้าไปในกลุ่มผู้ที่แอบอ้างเป็น DSI ก็ได้ออกจากไลน์ไปทันที และติดต่อไม่ได้อีกเลย
“ขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ เร่งรัดปราบปรามอย่างจริงจัง และขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับ สตช.ต้องมีนโยบายปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะไม่ใช่แค่ลูกสาวตนคนเดียวที่ถูกกระทำ เหยื่อทุกคน ต้องได้รับความเป็นธรรมในคดีเหล่านี้ ในฐานะเป็นประธานกมธ.การตำรวจ สภาผู้แทนฯรก็จะนำเรื่องนี้ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเพราะที่ผ่านมาตนก็ยังพิจารณาเรื่องแบบนี้อยู่มาก สุดท้าย ไม่คิดว่าสิ่งที่เราดำเนินการช่วยเหลือสังคมอยู่และปราบปรามอยู่วันนี้ จะมาเกิดขึ้นกับลูกสาวของตนเพราะกระทบกระทั่งจิตใจลูกสาวร้องไห้ จากนี้ก็ต้องช่วยกันดูแลสภาพจิตใจ”
พร้อมขอประณามพฤติกรรมคนเหล่านี้ว่าเลวทรามมากขอฝากเป็นอุทาหรณ์ มีคดีจริงๆหากท่านมีคดีจริงๆ ขอให้ไปที่โรงพักสถานีตำรวจ หรือหน่วยงานราชการ อย่าไปหลงเชื่อกับคำพูดทางโทรศัพท์อย่าโอนเงินให้เขา เพราะข้อเท็จจริงไม่มีแบบนี้แน่นอน รวมถึงการลงทุนก็ขออย่าไปหลงเชื่ออย่าไปเกิดความโลภ ขอวิงวอนประชาชนเรื่องเหล่านี้อย่าหลงเชื่อ
สำหรับแนวทางการแก้ไข ตนแนะนำว่ากสทช.จะต้องตัดเบอร์ทั้งหมด ที่ไม่ได้ลงทะเบียนซิมบ๊อก และต้องกำหนดว่าต่างด้าวสามารถใช้ได้คนละไม่เกินกี่เบอร์ รวมถึงบุคคลที่มีเงินเข้าเกินต้องไปตรวจสอบภาษีดูว่า มีการลงทะเบียนธุรกิจ หรือมีรายได้หรือไม่ ซึ่งต้องอายัดบัญชีเหล่านี้ ถ้าไม่เริ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็ปราบปรามไม่ได้ รวมถึงกลุ่มคนจีน ทั้งหลายที่กระทำเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่มีคนไทยร่วมด้วย ควรหยุดพฤติกรรมหลอกลวงเพื่อนมนุษย์ ฆ่าเพื่อนมนุษย์ เป็นบาปเป็นกำสิ่งที่คุณสร้างไว้ หนีไม่พ้น อาจจะมีความสุขในวันนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัว ญาติของคุณจะรู้สึกอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี