สภาทนายความ พาผู้เสียหายแจ้งความกองปราบฯบริษัทเอกชน หลอกลงทุนธุรกิจผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฯ เผยมีสมาชิกกว่า 70,000 ราย เสียหายกว่าหมื่นล้าน
นายกิตติคุณ แสงหิรัญ ตัวแทนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พาผู้เสียหายประมาณ 50 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ให้ช่วยดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่หลอกร่วมลงทุน ธุรกิจผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด อ้างจะแบ่งเงินปันผลให้ 5% ต่อสัปดาห์ แต่ท้ายที่สุดอ้างว่าถูกรัฐบาลปิดโปรแกรมบริษัทและถูกอายัดทรัพย์สิน จนทำให้สมาชิกกว่า 70,000 คน สูญเงินกว่าหมื่นล้านบาท
นางอภันตรี เจริญศักดิ์ ตัวแทนผู้เสียหาย เล่าว่า บริษัทดังกล่าวมีการโฆษณาผ่านแอพพลิเคชั่น LINE ตั้งแต่ช่วงปี 2562 โดยจะเน้นให้กลุ่มคนที่เกษียณอายุราชการ เข้ามาร่วมลงทุนซื้อหุ้นในธุรกิจ ผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด ผ่านโครงการเกษียณมีสุข ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ร่วมลงทุนมักเป็นข้าราชการวัยเกษียณหรือกลุ่มวัยทำงานที่กำลังจะเออร์รี่ โดยนำเงินก้อนสุดท้ายมาต่อยอดทำธุรกิจนี้ ทางบริษัทอ้างว่ามีออเดอร์ผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับหุ้นที่ทางบริษัทเปิดให้ซื้อจะขายในราคาหุ้นละ 100 บาท พร้อมปันผลสัปดาห์ละ 5% เมื่อปันผล 50 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะสามารถปันผลได้ไปตลอดชีวิต โดยจูงใจว่าหุ้นนี้จะสามารถต่อยอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานได้ นอกจากนั้นทางบริษัทนี้ยังเคยจัดงานอีเวนท์เปิดตัวที่สวนนงนุชโดยมีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมาร่วมเปิดงาน ทำให้ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับคนร่วมลงทุน ว่าบริษัทนี้น่าเชื่อถือ มีคนร่วมลงทุนตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท
ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม บริษัทปิดโปรแกรมการลงทุนโดยอ้างว่าถูกรัฐบาลกลั่นแกล้ง ยึดอายัดทรัพย์สินจนไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิก โดยระหว่างนั้นทางบริษัทก็จะส่งคนมาเกลี้ยกล่อมไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี อ้างว่าจะรับซื้อหุ้นและช่วยเหลือเยียวยา แต่ท้ายที่สุดก็เงียบหาย จนมีผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งไปยื่นฟ้องศาลแพ่ง จนปปง. สั่งยึดอายัดทรัพย์สิน กว่า 400 ล้าน
นางอภันตรี บอกว่า ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้เสียหายที่ตกหล่น อย่างกลุ่มของตัวเธอเอง ที่ดำเนินการฟ้องศาลแพ่งไม่ทัน ในวันนี้จึงตัดสินใจมาฟ้องคดีอาญาเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นกลุ่มของผู้เสียหายที่รวมตัวนำข้อมูลส่งให้สภาทนายความ เพื่อแจ้งความเป็นคดีอาญามีทั้งหมดประมาณ 580 คน ยอดความเสียหายอยู่ประมาณ 150 ล้านบาท
ด้านนายกิตติคุณ เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีอาญา จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ผิดข้อหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว 60 คน ซึ่งสภาทนายความได้ประสานอัยการกองเศรษฐกิจและทรัพยากร แต่ปรากฏว่าผ่านมาสามปีเปลี่ยนพนักงานอัยการจนครบวาระแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า จนผู้เสียหายไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษและกระทรวงยุติธรรม รวมถึงเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้ด้วย ขณะเดียวกันสภาทนายความไม่ได้นิ่งนอนใจเนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายหลายคน ทำให้หลังจากนี้อาจต้องทำรับเรื่องเหมือนคดีดิไอคอนกรุ๊ป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี