ทีมทนายจับมือสู้
พาพยาน2พันคนให้ปากคำ‘DSI’
พท.ท้าพปชร.เปิดชื่อโยงดิไอคอน
ทีมทนาย “บอสพอล” หารือสู้คดีดิไอคอน เตรียมนำพยานกว่า 2 พันคนเข้าให้ปากคำ เป็นประโยชน์หรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่พนักงานสอบสวนต้องสอบ เพื่อพิสูจน์ความผิดของฝั่งผู้ต้องหา ยันไม่ใช่การประวิงเวลาให้ส่งสำนวน ด้าน “ภูมิธรรม” ย้ำฝ่ายก.ม.เพื่อไทยกำลังพิจารณาฟ้องโฆษกฯพปชร.ปล่อยอักษรย่อนักการเมืองเพื่อไทยโยงดิไอคอน ท้ามีหลักฐานเปิดชื่อเลย พร้อมตั้งกก.สอบ อย่าจินตนาการเบี่ยงประเด็นตัวเอง
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล เดินทางมาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ เพื่อเข้าเยี่ยมบอสพอลเพื่อหารือแนวทางต่อสู้คดี
นายวิฑูรย์กล่าวว่า วันนี้ได้มาพูดคุยกับทีมทนายหลายทีมเพื่อแบ่งหน้าที่กัน และตนจะยื่นใบแต่งตั้งทนายให้นายกันต์ กันตถาวรเซ็น เพราะตอนนี้เซ็นแต่งตั้งทนายไขว้กันทุกสาย เพื่อคุยกับผู้ต้องหาทุกคน เนื่องจากมีรายละเอียดบางเรื่องที่ทนายบางคนอยากทราบ แต่ทนายอีกคนเป็นคนทำ ฉะนั้น ทนายทุกคนจะเป็นทนายให้ผู้ต้องขังทั้ง 18 คน เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น ส่วนคำให้การชั้นศาลจะเป็นไปในรูปแบบการสู้คดีร่วมกัน กรณีนักร้องสาว ก. ตนจัดส่งเอกสารแจ้งความและอาจมอบหน้าที่ให้ทนายทีมอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้าเยี่ยมบอสพอล ได้คุยกับบอสดาราคนอื่นบ้างหรือไม่ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ต้องพูดคุย รวมถึงบอสมิน ส่วนความคืบหน้าการแจ้งความกับใครเพิ่มเติมนั้น ทีมฟ้องกลับเพิ่มได้รับหนังสือมอบอำนาจเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม กำลังเตรียมตัวเข้าแจ้งความ ถ้าบอสพอลเซ็นเอกสารที่ตนต้องยื่นดีเอสไอทันเวลา ก็จะไปยื่นให้ดีเอสไอเลยเป็นการเปิดหัวเรื่องไว้ และทนายอีกชุดไปดำเนินคดีต่อ ในส่วนรายละเอียด ตนได้ประชุมกับทีมผู้ขายของบริษัท ดิ ไอคอนหรือพวกแม่ทีมว่าจะเริ่มนำพยานเข้ามาได้วันไหน และความพร้อมของพยานกว่า 2,000 คน จะจัดสรรอย่างไรให้ลงตัว ตนต้องไปคุยกับ DSI ว่ามีกำลังมากพอที่จะสอบสวนได้วันละกี่คน
ถามต่อว่าพยาน 2,000 คน จะมาให้ปากคำแน่นอนใช่หรือไม่ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ค่อนข้างแน่นอนว่าจะมา ส่วนการนำพยานมาเยอะแบบนี้ กังวลว่าจะส่งสำนวนไม่ทันหรือไม่นั้น ตนว่าไม่เกี่ยว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟังจากพยานฝั่งเดียว แต่พยานของตนมีแค่พนักงานและตัวผู้ต้องหาทั้ง 18 คน แต่พยานปากอื่นที่ทำธุรกิจร่วมกันกับ ดิ ไอคอน ยังไม่ได้เรียกมาสอบสวน ฉะนั้น กลุ่มนี้ต้องมาสอบสวนทั้งหมด ซึ่งแต่ละคนจะให้ปากคำไม่เหมือนกัน เพราะมีรายละเอียดต่างกัน เป็นแพทเทิชที่ฝั่งผู้เสียหายทำ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องทำเพราะนี้เป็นการพิสูจน์ตัวเองของเรา
ส่วนพยาน 2,000 คนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากน้อยแค่ไหน นายวิฑูรย์กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจอาจเป็นหรือไม่ก็ได้ แต่เป็นความเสี่ยงที่เราต้องรับ เพราะเราควบคุมพยานทั้ง 2,000 คนไม่ได้ ว่าจะให้การอย่างไร ส่วนกรณีมีแม่ข่ายบางกลุ่มถอนแจ้งความ ตนได้ข่าวว่าอย่างนั้น แต่คดีถอนแจ้งความไม่ได้ เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน แม้จะแจ้งความประสงค์ไม่ติดใจดำเนินคดี แต่ตำรวจก็ต้องดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดีเอสไอรับคดีฉ้อโกงและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นคดีพิเศษ จะมีผลต่อการต่อสู้คดีอย่างไร นายวิฑูรย์กล่าวว่า ถือเป็นการเปลี่ยนหน่วยงาน แต่ความผิดพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จะเข้าข่ายหรือไม่ เป็นหน้าที่ของดีเอสไอต้องพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่นว่าพยานหลักฐานเข้าหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็ยินดีสู้คดี แต่ถ้าไม่เข้าข่ายก็ยินดีแฮปปี้ ไม่ต้องมีคดีเพิ่ม
“ถ้ามีการตั้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ เราจะเปิดระบบให้ดู และอธิบาย ซึ่งโค้ชแลปอธิบาย และเปิดข้อมูลระบบได้ รวมถึงบอสทุกคนสามารถอธิบายข้อมูลได้ว่าธุรกิจ ดิ ไอคอนเป็นอย่างไร แล้วจะเป็นการเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่อย่างที่ทุกคนคิดหรือไม่” นายวิฑูรย์กล่าว
และเชื่อว่าดีเอสไอคงขยายเวลาฝากขังเป็น 7 ฝาก 84 วัน คงอยู่ข้างในกันยาวๆ ส่วนจะส่งสำนวนทันหรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่ใช่ปัญหาตนเอง แต่ต้องเอาพยานมาสอบให้ครบ และย้ำว่าไม่ได้เป็นการประวิงเวลา เพราะการทำคดีต้องสอบทั้งความผิดและความบริสุทธิ์ ยอมเสียเวลาตอนนี้ดีกว่า ไปศาลแล้ว ตนเอาพยานไป 2 แสนคนทำอย่างไร เราเป็นผู้ถูกกล่าวหา กระบวนการยุติธรรมต้องทำอย่างรวดเร็ว แต่การตั้งข้อกล่าวหาค่อนข้างเร่งรัดและรีบทำให้เกิดปัญหาในสำนวน
ส่วนกรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุมีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลัง และเชื่อมโยง ดิ ไอคอน นายวิฑูรย์กล่าวว่า ไม่ทราบ มองว่าคงเป็นการโยนกันไปโยนกันมา แต่ไม่อยากให้เอาเรื่องการเมืองโยนกันไปมา เพราะฝั่งตนเองสู้คดีก็เหนื่อยแล้วต้องมาดูประเด็นทางการเมืองอีก ให้เป็นเรื่องของพวกเขาไปแล้วกัน ส่วนบอส ก.ที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยมีจริงหรือไม่นั้น ขอบอกว่า บอสพอลสูงสุดแล้ว จะมี Last บอสอีกหรือ ตนว่าไม่มี และบอส ก.ไม่มี
ทนายวิฑูรย์ยังกล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดที่พาพยานเท็จมาเปิดข้อมูลอ้างเรื่องการโอนเงินคริปโตว่า จะแจ้งต่างกรรมกัน เพราะทราบว่า นายเอกภพไปให้ข้อมูลมาหลายที่ทั้งบชก. และดีเอสไอ ส่วนที่บช.ก.ก็ยังรอการแจ้งความจากทางทนายความอยู่นั้น ตนก็อยากทำให้ไว แต่ต้องลำดับความสำคัญในการต่อสู้คดี ต้องแข่งกับเวลา เพราะไม่รู้เจ้าหน้าที่จะมัดมือปิดคดีและส่งอัยการตอนไหน ดังนั้น ต้องทำเรื่องคดี เอาพยานไปให้ปากคำไวที่สุด ก่อนไปดำเนินคดีกับชาวบ้าน ยืนยันว่าที่ยังไม่ได้แจ้งความ ไม่ได้คุยกันหลังบ้านแน่นอน และไม่กังวลถ้านายเอกภพจะฟ้องกลับ
ส่วนจะแจ้งความเมื่อไร ต้องคุยกรอบการทำงานกับทนายความก่อน รวมถึงต้องถอดไฟล์เสียงด้วย ซึ่งต้องต้องฟังเสียงเอง เพราะตนรับมอบอำนาจมาต้องเป็นคนให้การ
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เตรียมพิจารณาดำเนินคดีพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่กล่าวหาพาดพิงบุคคลในพรรคโยงคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคต้องพิจารณา เพราะช่วงนี้มีการวิจารณ์ แบบไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง หลายเรื่องเข้าข่ายลักษณะให้ร้ายป้ายสี หลายเรื่องยิ่งกว่าจินตนาการ หากเกิดความเสียหายก็ต้องฟ้อง ส่วนต้องพูดคุยกับบุคคลในพรรคที่ถูกพาดพิงหรือไม่ นายภูมิธรรมเผยว่า ยังไม่รู้รายละเอียดที่ถูกกล่าวหาคืออะไร เป็นการพูดเลื่อนลอย ตนไม่ชอบเอาข่าวโคมลอยมาทำงาน เพราะงานทุกวันนี้ก็เยอะอยู่แล้ว แล้วที่พูดถึงกลุ่มสามมิตร ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับนักการเมืองอักษรย่อ ส.ตนไม่ทราบไปว่ากันเอง เกี่ยวข้องกับใครก็ชี้แจงเอง
“ถ้ามีหลักฐานให้เอ่ยชื่อผู้เกี่ยวข้องมาเลย ดูแล้วที่เปิดเผยเป็นอักษรย่อ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่มีบางคนที่ชี้แจงไปแล้ว เช่น อักษรย่อ ม. ซึ่งนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ชี้แจงไปแล้วว่าดำเนินการตามหน้าที่ หรืออีกคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ลาออกไปนานแล้ว เอามาโยงกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ อย่าเอาทุกอย่างเป็นการเมือง ผมไม่มั่นใจว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นของตัวเองหรือไม่ จึงอยากให้พิจารณาให้ถ่องแท้ อะไรที่เกินเลยไป ก็ต้องว่าตามกฎหมาย”นายภูมิธรรมกล่าว และย้ำว่า ไม่อยากเดาว่าเป็นใคร เช่น ส. หรือ ม.เป็นใคร เพราะมีเป็นร้อย หากมีรายชื่อชัดก็ส่งหนังสือมาถึงพรรคได้เลยว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เราจะตั้งกรรมการสอบ และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการตามขั้นตอน”นายภูมิธรรมกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี