“เชื้อโรค” ไม่ว่าจะเป็น “เชื้อไวรัส” หรือ “เชื้อแบคทีเรีย” จะเป็น “สิ่งอันตรายที่สุด” หากเป็น “เชื้อที่ก่อโรค” หรือ “เชื้อฉวยโอกาส” (Opportunistic Pathogen) ที่ก่อให้เกิดโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมนุษย์และสัตว์ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง
ในทางกลับกัน มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในสิ่งแวดล้อมหลากหลายชนิด ที่สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะไปช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนจากการได้รับสารมลพิษในสิ่งแวดล้อม
ศาสตราจารย์ ดร.เบญจภรณ์ ประภักดี อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้สร้างสรรค์ “นวัตกรรมชีวภาพแบคทีเรียบำบัดโลหะหนัก” เพื่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก มหาวิทยาลัยมหิดล (งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) โดยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่แล้วในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ “Journal of Environmental Technology andInnovation” เมื่อเร็วๆ นี้
จากการนำ “แบคทีเรียไมโครคอคคัส” (Micrococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคมาผสมผสานกับ “การปลูกพืชที่ไม่ได้นำมาเป็นอาหาร” อาทิ หญ้าแฝก และไม้ดอกไม้ประดับ เช่น บานชื่น และทานตะวัน เป็นต้น เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำบัดดินที่ปนเปื้อนโลหะหนักการฝังกลบขยะ
ซึ่งให้ผลที่ดีทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการช่วยลดการปนเปื้อนของโลหะหนักในดินจากการฝังกลบขยะ ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการได้รับโลหะหนักของชุมชน และการปลูกพืชยังช่วยให้เกิดความร่มรื่น และสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนสามารถนำไปต่อยอดช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ จากการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “นวัตกรรมชีวภาพแบคทีเรียบำบัดโลหะหนัก” เพื่อนำไปใช้ร่วมกับการปลูกพืชไม้ดอกที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน และทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนได้ต่อไป
นวัตกรรมดังกล่าวสร้างขึ้นภายใต้หลักการทำเชื้อแบคทีเรียให้บริสุทธิ์ แล้วนำมาผสานกับวัสดุปลอดเชื้อ พร้อมทำให้แห้ง เพื่อเกิดเป็น “หัวเชื้อพร้อมใช้” เพื่อให้สะดวกต่อการเก็บรักษาและใช้งาน กว่าการใช้ “เชื้อสด” ที่เก็บได้ไม่นานและต้องแช่เย็น
ตัวอย่างวัสดุที่สามารถนำมาใช้เตรียมเป็นหัวเชื้อพร้อมใช้ ได้แก่ “ถ่านชีวภาพ” ที่ได้จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรผ่านความร้อนสูง ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังทำการพัฒนาให้มีลักษณะเป็น “เม็ด” คล้ายอาหารปลา เพื่อให้นำไปใช้งานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
จากการศึกษาพบว่า แบคทีเรีย “ไมโครคอคคัส” (Micrococcus) สายพันธุ์นี้สามารถสร้างฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตของพืช ในขณะที่แบคทีเรียที่มีประโยชน์อีกสายพันธุ์คือ “อาร์โทรแบคเตอร์” (Arthrobacter)ที่สร้าง “เมือก” ที่สามารถไปจับกับโลหะหนักและดึงโลหะหนักออกจากดิน และช่วยส่งเสริมให้พืชทำหน้าที่ “บำบัดสารปนเปื้อนตามธรรมชาติ” โดยรากพืชจะดูดเอาสารปนเปื้อนมาเก็บไว้เพื่อรอการกำจัดหลังการปรับปรุงดิน
โดยจะได้มีการสานต่อผ่านการเรียนการสอนและวิจัยของคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการค้นพบ “แบคทีเรียบำบัดโลหะหนัก” ชนิดใหม่ๆ เพื่อขยายผลต่อไปในอนาคต
นับเป็นนวัตกรรมการใช้แบคทีเรียร่วมกับพืชเพื่อบำบัดสารปนเปื้อนในดิน ที่ในประเทศไทยยังคงมีไม่แพร่หลายเท่าที่ควร อีกทั้งเป็นวิธีการที่ปลอดภัย สามารถออกแบบให้มีการใช้งานได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้จุลินทรีย์ทั่วไปที่ไม่ทราบประสิทธิภาพและสายพันธุ์ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในคนและสัตว์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี