ส่งฟ้องมือตบทนาย
‘ธรรมราช’เรียกค่าสินไหม
ศาลนัดตัดสินคดี25พ.ย.น
“มือตบ” ทนายธรรมราช เผยก่อเหตุเพราะบันดาลโทสะ จากกรณีที่ทนายคู่กรณีโพสต์ภาพหมิ่นศาสนาลงเฟซบุ๊ก แล้วไม่ยอมชี้แจง ยืนยันทำคนเดียว เพื่อนอีก 2 คนไม่เกี่ยว และไม่มีใครว่าจ้าง ขณะที่อัยการสั่งฟ้องข้อหาทำร้ายผู้อื่นฯ ศาลนัดอ่านคำพิพากษา25 พฤศจิกายน นี้ ด้านทนายคนดังยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ยอมรับ สั่งซื้ออาวุธปืนมาป้องกันตัวแล้ว
จากกรณี นายธรรมราช สาระปัญญา หรือ ทนายธรรมราช เดินทางมาแถลงข่าวดำเนินคดี “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ตามมาตรา 206 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์อยู่นั้น มีชายคนหนึ่ง ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นายจารุเวศ พงษ์ฉวี หรือเต้ย อายุ 28 ปี ได้บุกเข้ามาและทำร้ายร่างกายทนายธรรมราช โดยใช้มือตบเข้าที่ใบหน้า ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้น จนกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว
คืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ สน.พหลโยธิน นายจารุเวศ ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตนได้เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะอยากจะเข้าไปสอบถามกับทนายธรรมราช ประเด็นที่โพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก เรื่องหมิ่นศาสนา ซึ่งส่วนตัวมองว่า มันเป็นการดูหมิ่นศาสนา เลยได้เข้าไปยืนฟังบทสัมภาษณ์ โดยในระหว่างนั้นได้มีผู้สื่อข่าวสอบถามในเรื่องของประเด็นศาสนาอิสลาม ที่ทางด้านทนายธรรมราช โพสต์ แต่เจ้าตัวไม่ยอมตอบคำถาม ตนจึงได้บันดาลโทสะใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่ปากของทนายธรรมราช
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มีการเตรียมตัวมาทำร้ายทนายธรรมราช แต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดเพราะบันดาลโทสะ เพราะผมรู้สึกไม่พอใจที่ทางทนายธรรมราช ไม่ได้มีการตอบคำถามเรื่องศาสนาอิสลามต่อผู้สื่อข่าว” นายจารุเวศ กล่าว พร้อม ยืนยันว่า ตนเป็นคนทำร้ายร่างกายเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ไม่เกี่ยวข้อง เพียงแค่มาเป็นเพื่อน และไม่มีใครว่าจ้างให้มาก่อเหตุ ซึ่งตนเองคงไม่รับจ้างใครให้มาส่งผลเสื่อมเสียประวัติต่อตนเอง
ในด้านคดี เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามมาตรา 295 ซึ่งภายหลังจากการสอบปากคำนายจารุเวศ ผู้ก่อเหตุแล้วเสร็จเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้มีการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยวงเงิน 45,000 บาท ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนจะมีการนัดผู้ก่อเหตุไปที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ช่วงเช้าของวันนี้
ช่วงสายวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้นำสำนวนสอบสวน พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายจารุเวศ ข้อหา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง1 พิจารณา ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ต่อมาเวลา 11.32 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 พิจารณาสำนวนแล้วได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจารุเวศ เป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
ขณะเดียวกันนายธรรมราช ผู้เสียหายเดินทางมาศาล พร้อมกับยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1ให้จำเลย แก้ภายใน 15 วัน ศาลสอบจำเลยเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงว่า จำเลยมี ทนายความและแต่งทนายความเข้ามาแล้ว ปรากฏตามใบแต่งทนายความของจำเลยลงวันที่วันนี้
จากนั้นศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยแต่งทนายความเข้ามาแล้ว และอธิบายคำร้องค่าเสียหายที่ผู้เสียหายได้ยื่นเข้ามาให้จำเลยฟัง จำเลยขอให้การรับสารภาพใน ส่วนคดีอาญา ปรากฏตามคำให้การจำเลยฉบับลงวันที่วันนี้ รับเป็นคำให้การของจำเลย ส่วนค่าสินไหมทดแทนนั้น จำเลยประสงค์จะยื่นคำให้การต่อสู้คดี จึงเห็นควรให้จำเลยยื่น คำให้การต่อสู้คดีภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจ
ส่วนคดีอาญา พนักงานอัยการโจทก์ และจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แต่เนื่องจากยังมี เรื่องค่าสินไหมทดแทนในส่วนแพ่ง และจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การต่อศาล และจำเลยเพิ่งได้รับคำร้องเรียก ค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยยื่นคำให้การต่อศาลภายใน 15 วัน จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคู่ความในส่วนของพยานหลักฐานที่จะนำมาสืบในเรื่องค่าเสียหายอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.
ส่วนความผิดทางอาญานั้น ไว้รอมีคำพิพากษาพร้อมกัน และเห็นควรให้หมายขังจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาทั้งนี้ จำเลยได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ผู้เสียหายยื่นคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยได้ประกันตัวไประหว่างพิจารณา
ด้าน ทนายธรรมราช เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาศาลในฐานะโจทก์ร่วม ซึ่งตนสันนิษฐานเหตุที่เกิดขึ้นมีผู้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะตนและผู้ต้องหาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ตนไปดูหมิ่นศาสนาอิสลามนั้น ไม่เป็นความจริง อาจจะฟังรายละเอียดไม่ครบถ้วน จึงเกิดความเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตาม ทนายธรรมราช ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ตนสั่งซื้ออาวุธปืนจากสวัสดิการของสภาทนายความฯ นั้นจริง เพื่อใช้ป้องกันตัวเอง พร้อมยืนยันจะดําเนินคดี ไม่มีการยอมความและจะยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายหลักแสน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บบริเวณอวัยวะสําคัญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี