รักษาการอธิบดีดีเอสไอเตรียมนัดประชุมพนักงานสอบสวน ก่อนเคาะมติแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน หลังได้ความเห็นจากสคบ.-สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเกี่ยวกับแผนธุรกิจ-การขายสินค้าผลิตภัณฑ์ ขณะที่เพจ“ดิไอคอน”ร่อนประกาศย้ำปิดรับตัวแทนจำหน่าย ไม่มีกำหนด และงดกิจกรรมที่กระทบต่อกระบวนการยุติธรรม

ความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 119/2567หรือกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด หลังรับดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อจากสำนวนคดีของตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และเดินหน้าหาข้อมูลเตรียมแจ้งข้อหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เพิ่มเติมจาก 2 ฐานความผิดเดิมประกอบด้วย ฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯตามที่มีการเสนอข่าวมาต่อเนื่องนั้น

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอเปิดเผยว่า หลังหารือกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อข้อกฎหมายที่จะพิจารณาในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งดีเอสไอได้หารือหลายประเด็น อาทิ แผนธุรกิจของบริษัท ดิ ไอคอนฯ การขายสินค้า เป็นต้น รวมถึงข้อเท็จจริงจากการสอบสวนทั้งหมด เพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าวได้พิจารณาพฤติการณ์ของบริษัทฯ ก่อนให้ความเห็นในเรื่ององค์ประกอบของกฎหมายแก่ดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมของดีเอสไอ มีกลุ่มเป้าหมายเป็น 18 บอสเดิม หรือมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนาเผยว่า อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าที่ประชุมพิจารณาในรูปแบบคณะพนักงานสอบสวน เพื่อมีมติร่วมกันว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ กับบุคคลใดบ้าง ขอให้มั่นใจว่าการแจ้งข้อกล่าวหาจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

ส่วนกรณีวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายนนี้ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุลหรือบอสพอล จะนำพยาน 20 รายแรก จากที่ระบุไว้ 2,000 คน เข้าให้ปากคำกับดีเอสไอนั้น พ.ต.ต.ยุทธนาเผยว่า พนักงานสอบสวนจะมีการหารือเพื่อเตรียมพร้อมรับเรื่อง และสอบปากคำ ต้องดูว่าพยานจะให้ข้อมูลในประเด็นอะไรบ้าง รวมทั้งพยานเกี่ยวข้องอย่างไรในคดี ทั้งนี้ หากคำให้การของพยานเป็นประโยชน์ต่อการพิสูจน์ความผิด หรือความบริสุทธิ์ หรือพิสูจน์ข้อกล่าวหามากน้อยแค่ไหน

พ.ต.ต.ยุทธนายืนยันว่า ในการดำเนินการทุกอย่างของดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ทำอย่างรวดเร็วรอบคอบ ทั้งการรับไม้ต่อสำนวนคดีมาไม่นาน แต่ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถที่จะเเจ้ง ข้อหาแชร์ลูกโซ่ หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 แก่ผู้ต้องหาได้แล้ว

ความคืบหน้าภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งรับสำนวนการสอบสวนกรณีมีผู้กล่าวหาบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ในคดีความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ตามที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทำการสอบสวนและส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคสอง กรณีที่มีความผิดต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกับการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงิน

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากบริษัท ดิ ไอคอนฯเช่นกัน โดย เพจเฟซบุ๊ก The iCon Group ออกมาประกาศอีกครั้ง เกี่ยวกับเหตุจำเป็นในการหยุดรับตัวแทนจำหน่ายระบุว่า เรื่อง ชี้แจงเหตุจำเป็นในการหยุดรับตัวแทนจำหน่าย จากสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด อยู่ในกระบวนการพิสูจน์ทางกฎหมาย โดยที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากำหนดระยะเวลาของกระบวนการดังกล่าวจะยุติลงเมื่อใด

ดังนั้น เพื่อให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนในกระบวนยุติธรรม และเพื่อเป็นการแสดงเจตนาให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของบริษัทต่อข้อกล่าวหาต่างๆ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทเน้นการหาตัวแทนจำหน่าย มิได้เน้นขายสินค้า และเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์และป้องกันผลกระทบแก่ท่านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว ภายใต้เงื่อนไขที่สอดคล้องกับการให้ร่วมมือกับพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม บริษัทจึงมีเหตุจำเป็นที่อาจดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ในระหว่างนี้ เพียงบางกิจกรรมเท่านั้น เท่าที่เหมาะสมและไม่ขัดขวางต่อกระบวนการพิสูจน์ทางกฎหมาย บริษัทจะยังคงสถานะของท่านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วไว้เช่นเดิม และปิดรับผู้ที่สนใจจะเป็นตัวแทนจำหน่ายใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ดังที่เคยประกาศมาแล้วเบื้องต้น

สำหรับการดำเนินกิจกรรมใดที่อาจส่งผลกระทบหรือขัดขวางต่อกระบวนการทางกฎหมายของเจ้าพนักงาน กิจกรรมนั้นจะถูกระงับไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะเสร็จสิ้น หากมีเหตุเปลี่ยนแปลงหรือมีความเป็นไปอย่างไร บริษัทจะเรียนแจ้งให้ตัวแทนจำหน่ายทราบเป็นระยะในโอกาสอันเหมาะสมต่อไป บริษัทต้องขออภัยในความไม่สะดวก และหวังว่าตัวแทนจำหน่ายและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน จะเข้าใจและเห็นใจบริษัทที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้