“ทนายบอสพอล"เดินเกมสู้คดีนำ 20 พยานปากสำคัญทั้งโรงงานผู้ผลิต จัดส่งสินค้าให้ดิไอคอนฯ - ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย เข้าให้ปากคำดีเอสไอ อ้างยังคงทำธุรกิจและขายสินค้าได้ปกติ บอกไม่ใช่การจัดฉากแต่เป็นข้อเท็จจริงอีกด้าน ขณะที่ทนายเผยตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในมือมากกว่า 2,400 คน พร้อมมาเป็นพยานให้ ขู่ดีเอสไออย่าตัดทิ้งเหลื 50 คน ไม่โดนฟ้องมาตรา 157 แน่ ด้านตัวแทนอ้าง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 พ.ย.67 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศพยานของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กว่า 20 ราย พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายของบอสพอล ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ เป็นผู้แทนรับมอบหมายจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ รับฟังเรื่องราว
โดย น.ส.มลญ่า (สงวนนามสกุล) ตัวแทนผู้ประกอบการของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเป็นพยานให้กับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และได้นำพาพี่ ๆ หลายๆท่าน ที่ยังคงทำธุรกิจและขายสินค้าได้ปกติ มาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นเหรียญอีกหนึ่งด้านของพวกเรา ส่วนสาเหตุที่ตนตัดสินใจมาเป็นพยาน เพราะส่วนตัวอยู่กับบริษัทมานาน 4 ปี ยืนยันว่าตลอดเวลาที่อยู่ตรงนี้เราเจอแต่มุมดีๆ รวมทั้งการให้ความรู้วิชาเรื่องออนไลน์ โดยก่อนตนจะเข้ามาร่วมลงทุนกับ ดิไอคอนฯ ตนเป็นคนทำธุรกิจอยู่แล้ว ตนเข้ามาเพราะอยากได้ทักษะความรู้เรื่องธุรกิจ และตนก็อยากทำธุรกิจเพิ่มเติม หากธุรกิจหลักเสียหายก็ยังมีธุรกิจสำรองไว้
น.ส.มลญ่า กล่าวอีกว่า ตนเริ่มต้นในยุคแรกได้เปิดบิลไปประมาณ 50,000 บาท ทุกวันนี้ตนเป็นตัวแทนจำหน่ายระดับ Wisedom ส่วนจำนวนลูกข่ายลูกทีมแล้วแต่ว่าเดือนไหนตนขยันหรือมีเวลา รวม ๆ อาจจะประมาณ 100 ราย หลังเกิดเรื่องราวขึ้น ตนยังขายสินค้าได้ต่อเนื่อง ส่วนช่วงที่มีข่าวขึ้นมาของบริษัทฯ ต้องบอกว่าของตนจะแตกต่างจากคนอื่น มีตั้งแต่ซื้อมาแล้วเก็บสินค้าไว้ ถ้าตนไม่มีที่เก็บก็จะขอให้บริษัทเก็บสินค้าให้แทน ถ้าขายได้ก็เบิกไป จะกำหนดกำไรแต่ละเดือนไม่ได้
ต่อข้อถามว่ามองอย่างไรที่มีจำนวนผู้เสียหายจำนวนมากนั้น น.ส.มลญ่า กล่าวว่า ตนขออภัยก่อน และขอแสดงความเสียใจต่อพี่ ๆที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งสองฝั่งเลย เพราะเหรียญมีสองด้าน ตนก็รู้สึกเสียใจแทน มั่นใจว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตนเห็นเฉพาะในส่วนของเรา ว่าเราไม่เคยสัมผัสโมเมนต์นี้เลย จึงไม่กล้าไปก้าวล่วงใด ๆ ขอพูดแค่กรอบของตัวเอง ทั้งนี้ ตนไม่เคยมีเจตนารมณ์ในการที่ทำให้คนที่มาทำงานกับตนเข้าใจผิดว่าตนไม่ทำอะไร ตนเสียใจ และตนมาแสดงความจริงใจต่อทีมตัวเอง ตนไม่มีเจตนาที่จะทำให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ เชื่อว่าเป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้ ตนไม่ได้อยู่ข้างบริษัท แต่ตนอยู่มาตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ตนเห็นแต่มุมนี้ ความช่วยเหลือเกื้อกูล และไม่เคยมีการบังคับใด ๆ อะไรที่ตนไม่ไหวไม่พร้อม ตนคงไม่ทำ และเขาก็คอยห่วงใยในธุรกิจที่เราทำ
สำหรับบทบาทของ 3 บอสดารา มีการแนะนำอย่างไรเรื่องธุรกิจนั้น น.ส.มลญ่า เผยว่า บางช่วงก็มาสอนเรื่องออนไลน์ เพราะตนก็ติดตาม TikTok ของอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ และทุกท่านที่เป็นตัวอย่างในการทำออนไลน์ ถนัดตรงไหนก็หยิบตรงนั้นมาใช้
น.ส.มลญ่า ยืนยันว่า การมาวันนี้ตนไม่ได้มาเพราะถูกจัดตั้งมา และ การจัดฉากมันไม่คุ้มกับความเสี่ยงในอนาคต ถ้าเป็นการจัดฉาก คงเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องซ้อมและพูดให้ตรงกันในทุกวัน ตนชัดเจนว่าเดินสายกลาง และเดินบนความเป็นจริง มันไม่ต้องจัดฉาก ความจริงก็เป็นความจริง และตนจะพูดในกรอบของตัวเองเท่านั้น
สำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศเป็นโปรโมชั่นของบริษัทนั้น น.ส.มลญ่า กล่าวว่า ล่าสุดตนได้ไปปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. กลับมา 28 ต.ค. และยังได้ไปลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งโปรโมชั่นจะเป็นแบบนี้ ปกติบริษัทจะจัดโปรโมชั่นล่วงหน้าไว้ก่อน เสร็จแล้วจะรันคิวเที่ยว และจะมีการพักประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้ทุกคนตัดสินใจว่าตกลงจะยังไปหรือไม่ ถ้ามีโปรโมชั่นแล้วไม่ไปบริษัทจะคืนเงินให้เลย แต่ถ้าไปก็จะเริ่มขอวีซ่าล่วงหน้า หากวีซ่าผ่านก็จะจองวันเดินทาง
ด้านทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล กล่าวว่า วันนี้ได้พาพยานกว่า 20 รายในฝั่งของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มาให้การในชั้นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ โดยมาให้การตามข้อเท็จจริง ซึ่งมีพยานที่ยืนยันแล้วประมาณพันกว่าคน แต่มีในรายชื่ออยู่ที่ 2,400 คน และมีการติดต่อประสานงานเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตนเองมั่นใจในข้อเท็จจริง และเชื่อว่าพยานจะให้การตามความเป็นจริง จึงไม่ได้หนักใจอะไร อีกทั้งหลังจากนี้ตนเองจะไปปรึกษากับดีเอสไอว่า สามารถขยายกำลังการสอบสวนได้มากเพียงใด รวมถึงจะสามารถส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำพยานในพื้นที่ต่างจังหวัด และต่างประเทศได้หรือไม่ หากทำได้ ตนก็มีแผนเดินสายพบปะพยานทั้งประเทศ เพื่อให้เข้าปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยาน
ทนายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการประเมินมีตัวแทนกว่า 10,000 - 15,000 ราย แต่จะสามารถดึงพยานเข้าให้ปากคำได้มากเท่าไร ตนเองยังไม่ทราบ ซึ่งเชื่อว่าดีเอสไอจะต้องรับฟัง เพราะงานจะหนักในช่วงสอบสวน เพื่อที่ในชั้นอัยการและชั้นศาลจะได้ง่ายลง หากดีเอสไอตัดพยานเหลือเพียง 50 คน ตนก็จะไปร้องขอความเป็นธรรมก่อน และถ้ายังนิ่งเฉย ตนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 สุดท้ายคดีก็จะไม่ไปไหน และอัยการก็จะตีสำนวนกลับอยู่ดี ซึ่งเราจะต้องใช้สิทธิ์พยานทุกปากในฝั่งจำเลย เพราะมีหมื่นกว่าคนก็ไม่เคยมาให้การ ก็อาจจะวุ่นวาย และสร้างภาระให้กับอัยการและศาล จึงมองว่าควรให้จบในชั้นสอบสวนเลย และเชื่อว่าดีเอสไอจะใจกว้างมากพอจะสอบเพิ่มเติม
ส่วนความกังวลว่าจะเป็นการจำกัดอิสรภาพของกลุ่มผู้ต้องหานานขึ้นหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า ฝั่งตนเองเสียหายและยังต้องขังอยู่ แต่การสู้คดีเราเสียหายตอนนี้จะสบายในระยะยาว ดีกว่าสบายในวันนี้ และในชั้นศาลมีปัญหา ทั้งนี้ ดีเอสไอควรจะรับฟังพยานหลักฐานของฝั่งเราบ้าง เพราะพยานที่มาในวันนี้ เป็นพยานที่ทำธุรกิจจริง และยังมีพยานอีกกลุ่ม คือ พยานโรงงานที่ผลิตสินค้าที่จะให้ปากคำว่าได้ส่งสินค้าให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปจริง และอีกกลุ่มจะเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านธุรกิจและกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเข้าเป็นพยาน คาดว่าน่าจะได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงขอให้กำหนดประเด็นพฤติการณ์ของผู้เสียหายแต่ละคน เพื่อให้ผู้ต้องหาสามารถชี้แจงในแต่ละประเด็นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี