เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายปกรณ์ สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา กรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1 - 17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำหรับเป็นข้อมูลการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม สอดคล้องในแต่ละพื้นที่ พบว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 35,633 ล้าน ลบ.ม. (75% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำใช้การรวมกันประมาณ 15,060 ล้าน ลบ.ม. (83% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ด้านภาพรวมสถานการณ์น้ำทางตอนบน มีแนวโน้มเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,394 ลบ.ม./วินาที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,051 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน ได้พิจารณาทยอยปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา และใช้ระบบชลประทานเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่ง แบ่งรับน้ำตามศักยภาพ ช่วยลดผลกระทบต่อพื้นที่ เร่งการระบายน้ำจากทางตอนบนลงสู่ตอนล่างทำได้เร็วยิ่งขึ้น
สำหรับลุ่มน้ำชี-มูล กรมชลประทาน ร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้อย ได้แก่ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้
ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ที่เข้าสู่ฤดูฝน ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รับมือฤดูฝน ปี 2567 อย่างเคร่งครัด จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เจ้าหน้าที่ ประจำสุดเสี่ยง ให้สามารถเข้าแก้ไขสถานการณ์น้ำได้อย่างทันที รวมทั้งหมั่นตรวจสอบและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ
กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2567/68 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 - 30 เมษายน 2568 จากปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยมีแผนจัดสรรน้ำในฤดูแล้งทั้งประเทศจำนวน 29,170 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับความสำคัญดังนี้ เพื่อการเกษตรฤดูแล้ง 16,555 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค-บริโภค 3,050 ล้าน ลบ.ม. อุตสาหกรรม 800 ล้าน ลบ.ม. รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 8,765 ล้าน ลบ.ม. และสำรองน้ำไว้ต้นฤดูฝนปี 2568 อีก 15,080 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่คาดการณ์ปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศรวม 10.01 ล้านไร่ สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง 9,000 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นน้ำเพื่อการเกษตร 6,410 ล้าน ลบ.ม. เพื่ออุปโภค-บริโภค 1,150 ล้าน ลบ.ม. เพื่ออุตสาหกรรม 135 ล้าน ลบ.ม. เพื่อรักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 1,305 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะปฏิบัติตาม 8 มาตรการรับมือฤดูแล้ง ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด และขอประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน ใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเพื่อลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี