ยึดแล้ว320ล้าน
ทรัพย์ดิไอคอน
ตรวจเข้มเส้นเงิน
ไม่เว้นโอนเข้าวัด
โฆษก ปปง. แจงยิบข้อเท็จจริงยึดและอายัดทรัพย์สิน 18 บอสดิไอคอนฯ พ่วงคนใกล้ชิด ส่วนที่ดินที่เชียงใหม่ของ “บอสกันต์” อยู่ระหว่างตรวจสอบ ย้ำตรวจเข้มพิสูจน์ความสุจริตของผู้รับโอนเงินไม่เว้นแม้แต่วัด ด้าน DSI อยู่ระหว่างตรวจเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา แชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรงฯ หากทัน 8 พ.ย.
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมนายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย และในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปง. เปิดเผยความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก
โดยนายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)กล่าวถึงความคืบหน้าการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินในส่วนปปง.ว่า ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไปแล้วรวม 320 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบัญชีเงินฝาก ที่เก็บเงินจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เพราะที่ผ่านมาเป็นการยึดและอายัดทรัพย์โดยอำนาจของเลขาธิการ ปปง.ที่เชื่อว่ามีเหตุในการจะถูกยักย้าย ถ่ายเท อาทิ การจะทำธุรกรรมถอนเงิน แต่ถ้าการยึดและอายัดทรัพย์ตามปกติ จำเป็นต้องรอสำนวนการสอบสวนทางคดีอาญาก่อน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน ขณะนี้ปปง.ประสานงานกับดีเอสไอต่อเนื่อง เพราะการทำงานต้องคู่ขนานไปกับสำนวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปต่อยอด โดยเฉพาะเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ปปง.ต้องดูจากสำนวนเป็นหลักด้วย เพราะใช้เป็นฐานดำเนินการตามกฎหมาย ปปง.
ผู้สื่อข่าวถามว่านอกเหนือจากผู้ต้องหา 18 ราย หากมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นด้วย ปปง. จะอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราวได้หรือไม่ แม้กรณีนั้นยังไม่ออกหมายจับ นายวิทยาชี้แจงว่า ตามกฎหมายฟอกเงิน เราติดตามยึดตัวทรัพย์สิน หากเป็นทรัพย์ที่ได้จากการทำความผิด แม้ว่าคนที่รับโอนหรือครอบครอง ไม่ได้เป็นผู้ทำความผิดในคดี เราก็ตามไปอายัดได้ เพียงแต่การรับโอนของเขาสุจริตหรือไม่ หากสุจริต มีการเสียค่าตอบแทนก็อาจได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าเขารู้ว่าคือทรัพย์ที่ได้มาจากการทำผิด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ปปง. พร้อมย้ำว่า ปปง.เฝ้าระวังการยักย้าย ถ่ายเท แปลงสภาพของทรัพย์สินในคดีดิไอคอนฯ มาตั้งแต่แรก หากมีเหตุน่าเชื่อ เลขาฯปปง.ก็จะใช้อำนาจยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว
ถามว่า ปปง. พบกระแสเงินในคดีดิไอคอนฯ ไหลออกนอกราชอาณาจักร หรือไปถูกเปลี่ยนให้อยู่ในสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีบ้างหรือไม่ นายวิทยาระบุว่า ยังไม่มีข้อยุติ เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561-2562 แต่ขณะนี้ปี 2567 การทำธุรกรรมทางการเงินถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ปปง.จะใช้อำนาจ ก็ต้องมีพื้นฐานคดีอาญาให้ชัดเจนด้วย และกระบวนการตรวจสอบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ก็ยิ่งต้องใช้หลักฐานมาก เพราะบางครั้งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ร่วมทำความผิด แต่เราต้องชัดเจนว่าทรัพย์สินดังกล่าวมันตั้งต้นมาจากเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ปปง.จะติดตามยึดและอายัดทรัพย์สินได้เทียบเท่ากับมูลค่าความเสียหายหรือไม่ เพราะ ปปง. ยึดไปแล้ว 320 ล้านบาท แต่มวลรวมความเสียหายในปัจจุบันมีกว่าพันล้านบาทนั้น
นายวิทยาชี้แจงว่า ทรัพย์สินในคดีที่ยึดและอายัดนอกจาก ปปง. แล้วก็ยังมีตำรวจและดีเอสไอที่ไปยึดพวกอสังหาริมทรัพย์ไว้ และท้ายสุดก็ต้องถูกส่งมาที่ ปปง. ย้ำว่าพยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ไม่อยากบอกว่าจะได้ครบหรือไม่ เพราะเวลาทิ้งช่วงมาหลายปี ทรัพย์มีการจำหน่าย จ่าย โอน และมีความยากเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของปปง. เนื่องจากบางรายจ่ายเงิน 250,000 บาท ได้สินค้าไปเท่าไร หรือมีการขายจริงแล้วได้เงิน หรือนำไปบริจาค หรือนำไปให้สุนัขกิน จะคิดค่าเสียหายกันอย่างไร จึงพยายามเคลียร์เรื่องทรัพย์สินให้นิ่งก่อน แล้วจะขยับมาเรื่องคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามลำดับ การคุ้มครองสิทธิฯต้องอาศัยหลักฐานคดีอาญาของพนักงานสอบสวนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปีไหน ใครมาเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ซึ่งปปง.ต้องเข้าไปดู สรุปคือ การทำเรื่องทรัพย์สินของปปง. ต้องชัดเจน ไม่ใช่ไปฟอกขาวให้เขา แต่เราก็ต้อง
ต่อข้อถามเรื่องเงินทำบุญ หรือเส้นทางเงินที่อ้างว่าเป็นเงินโอนสำหรับทำบุญ ปปง. มีหลักการตรวจสอบพิสูจน์อย่างไร นายวิทยา อธิบายว่า เงินทำบุญ วัดที่รับทำบุญสามารถต่อสู้เรื่องความสุจริตตามธรรมจรรยากล่าวคือ ตอนที่วัดรับโอนเงินรู้หรือไม่ว่า เงินนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากการทำความผิด ถ้าไม่รู้คือจบ และตามศีลธรรมจรรยาปกติแล้ว วัดรับบริจาคลักษณะแบบนี้ใช่หรือไม่ ทั้งหลักสิบบาท หลักร้อยบาท ล้านสิบล้านบาท หลักร้อยล้านบาท เคยรับหรือไม่ ต้องดูประกอบหลายอย่าง
ส่วนถ้าเงินโอนเข้าแล้วอ้างเป็นเงินทำบุญ แต่เงินกลับถูกโอนออกไปอีกบัญชีทันทีนั้น นายวิทยากล่าวว่า ต้องไปดูข้อเท็จจริง แล้วแต่องค์ประกอบ ต้องดูความสุจริตว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก่อนหรือไม่ รวมทั้งใบอนุโมทนาบุญ เราต้องดูลึกมากกว่านั้นเพื่อพิสูจน์ความสุจริตของเขา
ถามถึงกรณีที่ดินของนายกันต์ กันตถาวร หรือ “บอสกันต์” ดาราชายชื่อดัง ที่อยู่ติดกับวัดคีรีเขต (วัดทุ่งโป่ง) ทอดยาวไปถึงลำน้ำแม่ท่าช้าง ต.บ้านปง อ.หางดง มี 7 ไร่ 70 ตารางวา ได้อยู่ในรายการทรัพย์สินของคณะกรรมการธุรกรรมที่ต้องตรวจสอบหรือไม่ นายวิทยา เผยว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ดังนั้น เรื่องที่ดินเราไม่ค่อยห่วง แต่เพื่อความรอบคอบ ก็ต้องชัดเจนเพียงพอว่าเป็นทรัพย์ที่เขาครอบครองช่วงใด ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย ซึ่งจำเป็นต้องรอดูสำนวนของพนักงานสอบสวนก่อนว่าพฤติการณ์ทำผิดถูกขีดเส้นตั้งแต่ช่วงใด เพื่อให้เป็นขอบเขตดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินด้วย ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ยืนยันว่าจะทำให้เร็วเพราะมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังรอความหวัง
ขณะที่พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเข้าไปแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา จะทันวันที่ 8 พฤศจิกายนหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจเอกสารบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าทันก็จะดำเนินการเลย ส่วนกรณีผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ตนย้ำว่าตอนนี้เราเร่งดำเนินการกลุ่มแรกก่อน เพราะมีระยะเวลาควบคุม ในฐานความผิดแรกที่ตำรวจแจ้งไว้คือ ฉ้อโกงประชาชน และพ.ร.บ.คอมพ์ฯ สามารถฝากขังได้ 48 วัน แต่เมื่อดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ จะขยายเวลาควบคุมได้ถึง 84 วัน แต่หลักฐานเอกสารในสำนวนปัจจุบันนี้มีกว่า 200,000 แผ่น พนักงานสอบสวนต้องเรียบเรียงสรุปสำนวนคดีให้ทัน กรณีผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ที่ดีเอสไอต้องขยายผลต่อ ก็ยังอยู่ในระยะเวลา ย้ำว่าจะเร่งดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี