โดน4ข้อหาหนัก/ฉ้อโกง-ฟอกเงิน
จับ‘ทนายตั้ม-เมีย’
ถูกรวบจนมุมที่ฉะเชิงเทรา
แฉเตรียมเผ่นออกนอกปท.
ตร.ค้านประกัน-คดีโทษสูง
ส่งฝากขังศาลอาญา8พ.ย.
ตำรวจติดตามจับกุม “ทนายตั้ม-เมีย” ตามหมายจับข้อหาฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลังควงคู่ขับปอร์เช่ ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ โดยตะครุบตัวได้ที่จ.ฉะเชิงเทรา ขณะมุ่งหน้าไปสระแก้ว ผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การปฎิเสธ ตำรวจตรวจค้นบ้านหรูนานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาพยานหลักฐาน ยึดรถ 2 คัน พร้อมทรัพย์สินเพิ่มเติม ขณะที่หมายจับล็อต 2 อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พล.ต.ท.อัคราเดช เผยมีพฤติการณ์ พยายามหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน หลังถูกออกหมายจับ เจ้าหน้าที่เตรียมคุมตัวขออำนาจศาลฝากขัง 8 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 นำพยานและหลักฐาน ไปยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
พร้อมกันนี้ ยังได้ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้ม ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จากคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท
ตามจับได้แล้วที่ฉะเชิงเทรา
จากนั้น เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม นายษิทรา และ นางปทิตตา ได้ที่จับบริเวณริมถนน กบินทร์บุรี - ฉะเชิงเทรา ใกล้แยกพนมสารคาม ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หลังพบว่า ทั้งคู่ได้เดินออกจากบ้านด้วยรถยนต์หรู ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne สีน้ำตาล มุ่งหน้าไป จ.สระแก้ว คาดว่าเป็นพื้นที่ที่จะสามารถข้ามไปชายแดนได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้งคู่เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปราม
ต่อมา เวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายษิทราพร้อมภรรยามาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) โดยทนายตั้มมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนทางด้านภรรยาปกปิดใบหน้า ด้วยแว่นกันแดดสีดำและแมสก์ โดยระหว่างที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่, จะดื่มปัสสาวะวันไหน, กังวลหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย
ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการยึดรถยนตร์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ซึ่งภายในรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง อยู่ด้านหลังรถ เบื้องต้นในชั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจกองปราบจับนายษิทราและภรรยา ก็ได้นำตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม เบื้องต้นทั้งสองคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เปิดเบื้องหลังตามตะครุบตัว
มีรายงานข่าวแจ้งถึงเบื้องหลังการจับกุมนายษิทราและภรรยาว่า ตำรวจกองปราบฯ ได้วางแผนเข้าจับกุม ภายหลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับแล้ว โดยทางตำรวจคาดว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี จึงได้ส่งกำลังส่วนหนึ่งที่ถูกไปเฝ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อป้องกันผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศ อีกส่วนหนึ่งรออยู่บริเวณบ้านพักย่านบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชั่น จนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหาพร้อมภรรยาขับรถยนต์หรูออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่ จึงขับรถออกติดตามไป ซึ่งพบว่าทนายคนดังขับรถมุ่งหน้ามาทาง จ.ฉะเชิงเทรา โดยใช้เส้นทาง 304 มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่สามารถออกชายแดนได้
ในระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหานั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเกรงว่า อาจติดตามรถของผู้ต้องหาไม่ทัน และทำให้ผู้ต้องหาหลุดรอดการจับกุมไปได้ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเข้าร่วมติดตาม จนเมื่อมาถึงบริเวณแยกพนมสารคราม จ.ฉะเชิงเทรา พบรถเป้าหมาย เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับพร้อมเข้าทำการจับกุม และตรวจค้นภายในรถ พบเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วยจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงนำตัวไปลงบันทึกจับกุมที่ สภ.พนมสารคราม ก่อนจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่กองปราบต่อไป
ระบุกำลังเดินทางไปทำบุญ
โดยการสอบสวนในเบื้องต้น นายษิทราได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนและภรรยากำลังจะเดินทางไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง
สำหรับคดีที่ทนายดังถูกจับกุมครั้งนี้ มีรายงานว่า มีมูลฐานมาจากคดีฉ้อโกงเงินจาก น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ในส่วนของเงิน จำนวน 71 ล้านบาท เงินซื้อรถเบนซ์ จำนวน 13 ล้านบาท และเงินจำนวน 9 ล้านบาท ซึ่งค่าเป็นเขียนแบบโรงแรม ส่วนคดีฉ้อโกงเงิน จำนวน 39 ล้านบาท และเงินในคดีอื่น ๆ พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบหลักฐาน เพื่อจะได้มีการแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมต่อไปอีกด้วย
ค้นบ้านหรูยึดรถ-ทรัพย์สินเพิ่ม
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านของนายษิทรา ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะขับรถออกมา โดยมีรายงานว่า ได้ตรวจยึดของกลางรถตู้ ยี่ห้อนิสสัน 1 คัน รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า 1 คัน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจาก สน.บางเสาธง มาดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้าหมู่บ้าน
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำทรัพย์สินของนายษิทราที่อายัดมาได้จากบ้านพักหลังดังกล่าว ก่อนส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม โดยสำหรับทรัพย์สินที่ยึดมาได้มีทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับมีค่าอีกหลายสิบรายการ เพื่อนำมาตรวจสอบว่าได้มาจากการกระทำความผิดตามข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้หรือไม่
เตรียมเข้าค้น สนง.กฎหมายต่อ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในเร็วๆ นี้จะมีการเข้าตรวจค้นที่สำนักงานกฎหมาย Sitra Law ของทนายตั้ม ที่ย่านสาทร เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ส่วนหมายจับลอตที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการในการฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อยนั้น ต้องดูคำให้การของนายษิทราและภรรยา ว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีหรือไม่
‘เจ๊อ้อย’พักผ่อนที่ปากช่อง
ทางด้าน นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของเจ๊อ้อย กล่าวว่า ตอนนี้ เจ๊อ้อยได้พักผ่อนอยู่ที่ อ.ปากช่อง หลังนายษิทราถูกจับกุมแล้ว ตนก็ได้โทรศัพท์ไปถามเจ๊อ้อย ซึ่งทางเจ๊อ้อย ตอบกลับมาว่า “รู้ข่าวจากโทรทัศน์แล้ว” เมื่อตนถามต่อว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ๊อ้อยก็ได้ตอบว่า เรื่อยๆ ส่วนข้อหาที่ทนายตั้มโดน ก็เป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานไว้ ทางคดีตอนนี้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ทีมทนายความไม่ได้หนักใจพร้อมทำงานเต็มที่
ตร.แจ้ง4ข้อหา/แยกสอบทันที
ต่อมา เวลา 15.30 น. ภายหลังจากตำรวจกองปราบปรามฯ ควบคุมตัวทนายตั้มพร้อมภรรยาเข้ามาดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองได้รับทราบ รวม 4 ข้อหา ตามหมายจับศาลอาญา คดีฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ส่วนนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ก่อนเริ่มทำการสอบปากคำทั้งคู่ทันที โดยนำตัวแยกสอบสวน
พงส.ไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายษิทราและภรรยาให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากในหมายจับระบุมีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี, ได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
“บิ๊กอ้อ”เผย มีพฤติการณ์หลบหนี
เมื่อเวลา 16.12 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. เปิดเผยว่าคดีดังกล่าวทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตนเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสวบสวนด้วยการรัดกุม รอบครอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้ เท่าที่ตนทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้ม ออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจากสิ่งที่ตำรวจตรวจได้ จนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก
เมื่อถามว่า ทำไมทนายตั้มจะข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีบุคคลอื่นให้การช่วยเหลือหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ประเด็นนี้ยังต้องสอบปากคำเพิ่มเติม โดยการออกหมายจับในวันนี้ พบว่าตัวทนายตั้มมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จากกรณีเจ๊อ้อยเงินจำนวน 71 ล้านบาท
ส่งตัวไปฝากขัง8พ.ย.นี้
ขณะที่ยังเปิดเผยอีกว่า วันนี้มีปฏิบัติการค้นบ้านของทนายตั้มและภรรยา จำนวน 2 จุด จุดแรก บ้านเดิมที่จังหวัดสมุทรสาคร และบ้านที่ย่านตลิ่งชันเป็นจุดที่นำเงินไปแปลงสภาพแล้วมาซื้อบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีการอายัดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา เดี๋ยวจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำเข้ม ยืนยันพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกังวลผู้ต้องหายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก่อนที่วันพรุ่งนี้ (8พ.ย.67) เตรียมนำตัวส่งศาลอาญารัชดา ฝากขังดำเนินคดีต่อไป
ตร.พบพยายามหลบหนี
เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตนเองเข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ ซึ่งตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีด้วยความรัดกุมรอบคอบ จึงได้ขอออกหมายจับนายษิทรา และภรรยา โดยนายษิทราถูกแจ้งข้อหาข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ อัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี ซึ่งต้องดูการสอบสวนและนำตัวไปฝากขังต่อไป ทั้งนี้ พบว่า ผู้ถูกออกหมายจับพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ โดยได้ขับรถออกจากบ้านย่านตลิ่งชัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. มุ่งหน้าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตำรวจได้สกัดจับไว้ได้ ซึ่งอยู่ที่ผู้ต้องหาว่าจะให้การว่าอย่างไร
ค้านประกัน หวั่นยุ่งเหยิงพยาน
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ตำรวจได้เริ่มสะกดรอยจนรู้ว่าผู้ต้องหากำลังเดินทางออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนตัดสินใจควบคุมตัว เพราะรถของตำรวจสมรรถนะไม่ดีเท่ากับรถผู้ต้องหา ส่วนสาเหตุที่คัดค้านประกันตัว เพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เช่น การปรากฏตัวต่าง ๆ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานว่า ผู้ต้องหาปฏิเสธหรือรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่ได้อายัดเงินในบัญชีของนายษิทรา และจะดำเนินการต่อไป แต่จากพยานหลักฐานมั่นใจว่าจะดำเนินคดีได้ โดยไม่กังวลว่าเป็นนักกฎหมาย เพราะหากกระทำฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นจากกรณี นางจตุพร หรือเจ๊อ้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายษิทรา ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ต่อมาขยายผลกรณีเงิน 39 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท พบว่าเป็นการกระทำแบบปกติธุระ รวมทั้งมีผู้เสียหายอื่นๆ ที่เข้าแจ้งความจำนวน 3 เคส
นำตัวไปฝากขัง8พ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการสอบถามว่ามีผู้ใดช่วยเหลือให้หลบหนีไปต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดติดต่อเข้ามาช่วยเหลือนายษิทรา ส่วนการตรวจค้น 2 จุดภายหลังคุมตัวนายษิทรามาที่กองบังคับการปราบปราม จุดแรกเป็นบ้านเดิมที่ จ.สมุทรสาคร และอีกจุดเป็นการนำเงินไปเปลี่ยนแปลงสภาพไปซื้อที่ตลิ่งชัน โดยให้ผู้ดูแลบ้านเป็นผู้นำตรวจค้นขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังในวันที่ 8 พ.ย.นี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี