”บิ๊กต่อ“ ร่อนหนังสือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ป.ป.ช. ซุกบ้านที่อังกฤษ อ้างเมียเข้าใจไปเอง ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ปี62 มีสัญญากู้ซื้อ20ล้านร่วมแล้ว เลยไม่ต้องแจงบ้านหลังนั้น ลั่น หากจงใจปกปิด จะโชว์ว่ายืมเงินใครทำไม เผย จนท.ตรวจสอบ รู้อยู่แล้ว ถามย้ำก็บอกไม่ต้องยื่นเพิ่ม ยัน ไม่ได้ทำผิด
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร.และนางนิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยา ว่าจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นบ้านในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนที่นายษิทราตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหาฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน
รายงานข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. แจ้งว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทำหนังสือชี้แจงต่อป.ป.ช. กรณีบ้านที่อังกฤษนั้น เมื่อช่วงก.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกับภรรยา จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน โดยสาระสำคัญที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯครั้งแรก พ.ย.62 ขณะดำรงตำแหน่งรองผบช.สอบสวนกลาง และการที่นางนิภาพรรณ ไม่แจ้งเรื่องบ้านหลังดังกล่าว เพราะสำคัญผิดและเข้าใจเองว่าเมื่อยื่นบัญชีทรัพย์สินฯแล้ว โดยมีสัญญากู้เงิน เมื่อ25พ.ค.59 ระหว่างนางนิภาวรรณและนางสาว ว. (ผู้ให้กู้) จำนวน20ล้านบาท โดยมีหลักฐานการโอนเงินส่งให้สำนักงานป.ป.ช.แล้ว นางนิภาพรรณจึงเข้าใจเองว่า เมื่อแจ้งข้อมูลส่วนนี้แล้วก็ไม่ต้องชี้แจงบ้านพักหลังดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินฯ เพราะเงินกู้ดังกล่าวนำไปซื้อบ้านหลังนี้ และหากป.ป.ช. สงสัยกรณีนี้สามารถสอบถามได้ จึงไม่มีพฤติกรรมจงใจปกปิดว่ามีบ้านหลังนี้
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ชี้แจงอีกว่า ช่วงยื่นบัญชีทรัพย์สินฯครั้งแรก ตนไม่ทราบว่าภรรยามีการตกลงร่วมหุ้นกับนางสาว ว. เพราะตนมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมข้อมูลของตนและภรรยาในการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯต่อป.ป.ช.และยังกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งนางนิภาพรรณว่า ให้ระบุข้อมูลตามความเป็นจริงไม่ต้องปกปิดใดๆทั้งสิ้น และนางนิภาพรรณส่งเอกสารกู้เงินกับนางสาว ว. ประกอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ โดยไม่แจ้งให้ตนทราบว่าเป็นการร่วมลงทุนของทั้งสองคน ทั้งนี้ ตนเข้าใจเองว่าภรรยากู้เงินนางสาว ว. ไปซื้อบ้านหลังนี้เพราะนางนิภาพรรณ เล่าให้ฟังว่าเงินซื้อบ้านหลังนี้เป็นของนาวสาว ว. แต่ไม่ทราบนิติสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย และไม่ติดใจเพราะนางสาว ว. มีฐานะดีและสนิทกับครอบครัวของตน เพราะเป็นเพื่อนสนิทของนางนิภาพรรณหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อ้างด้วยว่า ทราบว่าทั้งภรรยาและ นางสาว ว. มีการทำสัญญาเงินกู้ โดยไม่ได้ระบุในช่อง โดยความยินยอมของ...คู่สมรส และตนไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องนี้เพื่อเป็นพยาน จึงยื่นหลักฐานหนี้สินเป็นหนังสือจำนวน20ล้านบาทต่อป.ป.ช. และมาทราบภายหลังว่านางนิภาพรรณ และนางสาว ว. ไปชี้แจงกับทางป.ป.ช. ถึงสัญญาเงินกู้ฉบับนี้ว่าเป็นการร่วมลงทุนซื้อบ้าน และกฎหมายไม่ได้ระบุว่าการร่วมลงทุนกันต้องทำตามรูปแบบใดหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตนทราบว่านางสาว ว. เป็นฝ่ายลงทุน 20ล้านบาท จากนั้นโอนเงินให้นางนิภาพรรณสองครั้งในช่วงปี59 ครั้งแรก10ล้านบาท ครั้งที่2 จำนวน7ล้านบาท มีหลักฐานการโอนเงินยื่นต่อ ป.ป.ช.แล้ว นางนิภาพรรณจึงโอนเงินจำนวนนี้ให้ทนายความชาวอังกฤษดำเนินการซื้อบ้านหลังนี้ ส่วนเงินอีก3ล้านบาท นางสาว ว. ทยอยให้เพื่อเป็นค่าตกแต่งบ้าน
“นางนิภาพรรณเป็นฝ่ายลงแรงในการติดต่อซื้อบ้านหลังนี้กับผู้ขายและทนายความชาวอังกฤษและติดต่อนายหน้าประกาศขายบ้าน โดยนางนิภาพรรณ และนางสาว ว. ตกลงกันว่าหากขายได้ กำไรแบ่งกันคนละครึ่ง” เนื้อหาบางช่วงในหนังสือชี้แจงของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และยังมีการยื่นรายชื่อพยานให้ป.ป.ช. เรียกมาให้ข้อมูลด้วย
นอกจากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ชี้แจงอีกว่า ช่วงเดือนมิ.ย.63 หลังการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯไปแล้วประมาณกว่า5เดือน เจ้าหน้าที่ป.ป.ช. คนหนึ่งติดต่อนางนิภาพรรณและนางสาว ว. เข้าให้ถ้อยคำประเด็นสัญญากู้ยืมเงิน และไม่ได้แจ้งว่าต้องไปให้ถ้อยคำเกี่ยวกับบ้านหลังดังกล่าวแต่อย่างใด โดยวันที่17มิ.ย.63 นางนิภาพรรณและนางสาว ว. ได้พบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 5คน ที่ร่วมคณะตรวจสอบทรัพย์สินของปปช. โดยไม่ได้นำทนายความไปด้วย โดยให้การว่า ตอนนั้นนางนิภาพรรณ จำเป็นต้องมีกระแสเงินสดในการทำธุรกิจจึงไม่สามารถกู้เงินสถาบันการเงินในประเทศได้ จึงตกลงกู้เงินนางสาว ว. และนางนิภาพรรณได้ทำสัญญากู้ยืมเงินและมอบโฉนดที่ดินคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกทม. ให้นางสาว ว. เป็นหลักประกันเงินกู้และเป็นหลักฐาน และตกลงกันว่ามอบให้นางนิภาพรรณเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์บ้านที่อังกฤษ และหากขายได้จะแบ่งกำไรคนละครึ่ง และยังแสดงสัญญากู้ยืมเงิน สำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือรับรองรายงานการเดินบัญชีของธนาคาร เอกสารการซื้อขายบ้าน ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านแล้ว และวันนั้นเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ทั้ง5คน ไม่ได้แจ้งและบันทึกรวมทั้งขอดูภาพถ่ายบ้านหลังดังกล่าวเพิ่มเติมจากนางนิภาพรรณแต่อย่างใด
“ในวันนั้น นางนิภาพรรณและนางสาว ว. ถามย้ำอีกครั้งว่า ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เพิ่มเติมหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. คนหนึ่งแจ้งว่าไม่ต้องยื่นเพิ่มเติม ให้ยื่นอีกครั้งในกรณีที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ดำรงตำแหน่งครบสามปี หรือ1ต.ค.65 โดยที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ช. ที่เหลืออีก4คน ไม่ได้ท้วงติงหรือคัดค้าน กรณีนี้ถือว่าเป็นมติเห็นชอบร่วมกันของคณะตรวจสอบทรัพย์สิน ของป.ป.ช.” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อ้างในหนังสือชี้แจง พร้อมกับระบุด้วยว่า เห็นได้ชัดว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ ปรากฏต่อเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.แล้ว แม้ตนจะไม่ได้ยื่นในรายการนี้ในช่วงนั้นก็ตาม เพราะถือได้ว่าป.ป.ช. ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ปี63 ว่านางนิภาพรรณมีบ้านหลังนี้ จึงไม่อาจถือได้ว่าคู่สมรสของตนปกปิด ซุกบ้านหลังดังกล่าวไว้อย่างแน่นอน หากมีเจตนาเช่นนั้นนางนิภาพรรณคงไม่แสดงสัญญาเงินกู้20ล้านบาทไว้ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯในปี62 เพื่อให้เกิดข้อสงสัยแก่ป.ป.ช.อย่างแน่นอน และก่อนหน้านั้น เมื่อปี59 นางนิภาพรรณแสดงตนเปิดเผยกับสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีบ้านพักในอังกฤษ คงมีเพียงคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ไม่รู้และกล่าวอ้างว่านางนิภาพรรณปกปิดเเละเพิ่งตรวจพบเองในภายหลัง
”ข้าพเจ้า นางนิภาพรรณ และนางสาว ว. ยินดีให้ความร่วมมือกับคณะตรวจสอบทรัพย์สินด้วยดีมาโดยตลอด แต่ในส่วนของข้าพเจ้า คณะตรวจสอบทรัพย์สินกลับไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหา ด้วยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเหตุผลที่ชี้แจง จึงขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่ได้ทำผิด“ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุในหนังสือชี้แจง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี